
ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยทั่วไปฝนที่เคยตกลงมาแพรกระจายปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ เริ่มเบาบางลง และมีฝนตกลงมาเป็นช่วงๆแต่ไม่หนักมากนักเหมือน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำท่วมขังพื้นที่ทางการเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนใน 13 อำเภอ 67 ตำบล 391 หมู่บ้าน 46 ชุมชน ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 281,318 คน เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และในบางพื้นที่สถานการณ์น้ำท่วมขังเกือบเข้าสู่สภาวะปกติ
แต่ที่น่าเป็นห่วงใน ขณะนี้คือแม่น้ำโก-ลก ซึ่งมีต้นน้ำกำเนิดในพื้นที่ ต.บูเก๊ะตา อ.แว้ง มีปริมาณน้ำฝนได้ไหลลงมาสมทบ ส่งผลทำให้ปริมาณของแม่น้ำโก-ลกล้นตลิ่งสูงกว่า 70 ซ.ม. นางสาลีฮะ มะยูโซ๊ะ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก สั่งการให้หน่วยบรรเทาสาธารณภัย เดินเครื่องสูบน้ำ จำนวน 9 เครื่อง ที่ได้รับการสนับสนุนจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งได้ติดตั้งไว้ใน 7 ชุมชน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก คือ ชุมชนท่าประปา, ชุมชนท่ากอไผ่, ชุมชนโปฮงยามู, ชุมชนท่าโรงเลื่อย, ชุมชนบือเร็ง, ชุมชนหัวสะพาน และชุมชนเจ๊ะกาเซ็ง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อระบายน้ำที่ได้รั่วซึมจากกำแพงเขื่อน รวมทั้งน้ำที่รั่วซึมผ่านท่อระบายน้ำ ในการป้องกันพื้นที่ชุมชน ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้า อ.สุไหงโก-ลก ที่อาจจะได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้แล้วจากสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ ยังมีผลส่งกระทบต่อพี่น้องประชาชนโดยรวมในพื้นที่ จ.นราธิวาส แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้คือน้ำมันเชื้อเพลิง และถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤต โดยนายไชยา สิยาชีพ พลังงานจังหวัดนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพลังงาน จ.นราธิวาส ได้ตระเวนออกสุ่มสำรวจสถานีบริการจำหน่ายมันเชื้อเพลิง โดยรวมมีจำนวน 42 แห่ง พบว่า
ขณะนี้ส่วนใหญ่น้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิด ทั้งน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล หมดสต๊อก บางปั๊มเหลือเพียงแก๊สโซฮอล์ 95 (E10) ที่มีราคาสูงถึงลิตรละ 49.59 บาท ให้ประชาชนไม่มีทางเลือกได้เติมเท่านั้น จากผลพวงเกิดวิกฤติน้ำท่วมหนักในพื้นที่ จ.สงขลา ทำให้รถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงจากคลังน้ำมัน ไม่สามารถเดินทางมาส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับปั๊มจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในพื้นที่ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีการประชุม เพื่อเร่งหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างงเร่งด่วนแล้ว อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์สภาวะน้ำท่วมขังลดระดับลง และสามารถเดินทางได้สถานการณ์พลังงานในพื้นที่ จ.นราธิวาส ก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติในเร็ววันนี้
แต่ถึงอย่างไรก็ตามนอกจากชาว จ.นราธิวาส ยังต้องผจญกับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมแล้ว ล่าสุดยังต้องเผชิญกับระบบการสื่อสารที่ไม่สามารถใช้งานได้ทั้งจังหวัด รวมไปถึงส่วนราชการทุกแห่งไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ เนื่องจากในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติจำกัด (มหาชน) ได้รับแจ้งอุปกรณ์เชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตขาดออกจากกัน ที่ติดตั้งไว้บริเวณเส้นทางรอยต่อระหว่าง จ.สงขลา กับ จ.ปัตตานี ซึ่งเหตุดังกล่าวส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ระดมเจ้าหน้าที่เช้าดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว
Advertisement