
(27 พ.ย. 2568) สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.ปัตตานี ยังคงวิกฤติหนัก หลังมวลน้ำจาก จ.ยะลา ไหลสมทบในแม่น้ำปัตตานีอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นทุกชั่วโมง โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 30 ปี สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนจำนวนมาก
หนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด คือ อ.โคกโพธิ์ หลายหมู่บ้านมีระดับน้ำสูง 1-2 เมตร บางจุดสูงถึง 3 เมตร ถนนหลายสายถูกตัดขาด การสัญจรเข้าออกต้องใช้เรือเท่านั้น โดยเฉพาะบ้านเรือนชั้นเดียวที่น้ำท่วมจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้ ทำให้ชาวบ้านหลายครัวเรือนต้องรีบอพยพออกจากพื้นที่ พร้อมเตรียมการอพยพเพิ่มเติมหากระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้น
ช่วงเช้าวันเดียวกัน นายไชย พรนิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อม นายเชาวลิต สิทธิฤทธิ์ นายอำเภอโคกโพธิ์ หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ปกครอง ผู้นำท้องที่ รวมถึงกำลังจากชุดสันติสุขที่ 504 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บ้านชะเมา หมู่ 2 ต.นาเกตุ เพื่อตรวจสอบสถานการณ์และนำสิ่งของยังชีพเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
โดยคณะเจ้าหน้าที่ต้อง เดินลุยน้ำลอยคอ เนื่องจากเรือยนต์เกิดขัดข้องกลางทาง ทำให้ไม่สามารถนั่งเรือเข้าไปได้ แต่ด้วยความกังวลว่าชาวบ้านจะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม ทางรองผู้ว่าฯ จึงตัดสินใจเดินฝ่าน้ำท่วมเข้าไปแจกจ่ายสิ่งของด้วยตนเอง ท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวและระดับน้ำที่สูงกว่า 1-2 เมตร
ส่วนศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านชะเมา ซึ่งก่อนหน้านี้ใช้รองรับผู้ประสบภัย ขณะนี้ระดับน้ำสูงขึ้นถึง 3-4 เมตร แต่โชคดียยังสามารถอยู่ได้
รายงานล่าสุดระบุว่า อ.โคกโพธิ์ ได้รับผลกระทบรวม 12 ตำบล 83 หมู่บ้าน 11,640 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อนกว่า 40,195 คน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงเร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือต่อเนื่อง ทั้งการอพยพ การส่งอาหาร และการดูแลผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และเด็กเล็ก
ในช่วงบ่าย รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานียังได้เดินทางไปให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่มาใช้บริการที่ สถานีตำรวจตุยง อ.หนองจิก ซึ่งถูกจัดตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามชั่วคราว หลังจากโรงพยาบาลสนามอำเภอหนองจิกเดิมถูกน้ำท่วมสูงจนไม่สามารถเปิดบริการได้
สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนเหนือยังคงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จังหวัดต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประเมินความเสี่ยงเพื่อเตรียมสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมในพื้นที่เสี่ยงสูง
Advertisement