
วันที่ 10 พ.ย. 68 เวลาประมาณ 13.15 น.แหล่งข่าวรายงานว่าทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กยิงยั่วยุทหารไทยจำนวน 5 นัด ที่บริเวณชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยที่ทหารไทยไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด
โดยแหล่งข่าวระบุอีกว่า ทหารเขมรยิงปืนโดยไม่ได้ตั้งใจยิงใส่ทหารไทยเป็นการยิงยั่วยุเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา และถือเป็นการกระทำหลังจากการลงนามสันติภาพไปแล้ว
ทั้งนี้แหล่งข่าวรายงานว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา พบความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา มีการเสริมกำลังประชิดชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธมอย่างผิดปกติ
ขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านจ.สุรินทร์ เริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง แม้ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายมีการถอนอาวุธหนักออกไปแล้วก็ตาม ตามการลงนามสันติภาพประกอบกับมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดเป็นรายที่ 7 ในพื้นที่ตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ ทำให้ยิ่งส่งสัญญาณชัดเจนขึ้นมาว่ากัมพูชาไม่ได้เคารพการลงนามสันติภาพแต่อย่างใด แม้จะมีทรัมป์ เป็นคนกลางก็ตาม
และที่ผ่านมาพลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทยเคยลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุคล้ายกันในพื้นที่บ้านภูมะเขือ อ.กันทรลักษณ์ พร้อมกล่าวว่า “ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะจนถึงปัจจุบันมีทหารไทยเสียขาไปแล้ว 6 นาย และจะต้องไม่มีขาที่ 7 หากยังมีขาที่ 7 เกิดขึ้น ถือเป็นความชอบธรรมที่เราจะยิงปืนใหญ่ตอบโต้ไปยังพิกัดหน่วยของคุณ”
ขณะเดียวกันนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งกระทรวงกลาโหมประท้วงกัมพูชาหลังทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดพร้อมกับชับให้ดำเนินการให้ถึงที่สุด และสั่งเร่งให้การช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บดังกล่าวตามที่เป็นข่าวไปแล้วอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ชายแดนวันนี้ ทั้งที่จ.ศรีสะเกษ และจ.สุรินทร์ทุกฝ่ายต้องคอยติดตามสถานการณ์ชายแดนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีโอกาสที่จะเกิดการปะทะรอบใหม่ขึ้นมาได้ทุกเวลา
Advertisement