เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 เวลา 16.45 น. ที่อาคารสำนักงานเขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอล ประจำประเทศไทย เดินทางไปรับร่างนายสนธยา อัครศรี แรงงานไทยในอิสราเอลที่เสียชีวิตจากเหตุสงครามอิสราเอล-ฮามาส หลังถูกจับเป็นตัวประกันตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2566 โดยหลังเดินทางถึงบริเวณสำนักงานเขตปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นางสาวตรีนุช พร้อมด้วยทีมผู้บริหาร ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.อโลนา ฟิชเชอร์-คัมม์ เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอล ประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าสู่พื้นที่คลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จากนั้น รมว.แรงงาน พร้อมคณะ ได้วางพวงหรีดไว้อาลัยแด่ผู้วายชนม์ และยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที ซึ่งบรรยากาศการรับร่างแรงงานไทยในวันนี้เป็นไปด้วยความเศร้าโศก ก่อนที่จะมีการนำร่างของนายสนธยา ขึ้นรถเพื่อเดินทางกลับสู่อ้อมอกของครอบครัวในจังหวัดหนองบัวลำภู ต่อไป
นางสาวตรีนุช กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ตนรู้สึกเศร้ากับการสูญเสียพี่น้องแรงงานไทยที่ไปทำงานในต่างประเทศแต่ไม่สามารถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว “อัครศรี”ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ขอให้กำลังใจกับทั้งคุณพ่อ และ คุณแม่ และ ลูกสาวของคุณสนธยา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ขอเป็นตัวแทนรัฐบาลไทย พาคุณสนธยากลับบ้าน หลังจากที่ไม่ได้อยู่กับครอบครัวนานถึง 7 ปี
รมว.แรงงาน กล่าวว่า จะดูแลเรื่องการเยียวยาและสิทธิประโยชน์ต่างๆที่ครอบครัวของคุณสนธยาพึงได้รับอย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ได้มีการดำเนินการไปแล้วในหลายๆส่วน เช่น เงินชดเชยจากสถาบันประกันภัยอิสราเอล หลังจากที่ได้รับร่างของคุณสนธยากลับคืนมายังประเทศไทยแล้ว จำนวน 5 ส่วน ดังต่อไปนี้
1.เงินช่วยเหลือค่าชดเชยการไว้ทุกข์ประมาณ 80,000 บาท
2.ค่าใช้จ่ายในการจัดการศพ จ่ายตามจริงไม่เกิน 40,000 บาท
3.เงินชดเชยรายเดือน ประมาณ 80,000 – 120,000 บาท
4.เงินช่วยเหลือประจำปี 40,000 บาท
5.เงินช่วยเหลืออื่นๆ เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร เงินช่วยเหลือทางจิตวิทยา อีกจำนวนหนึ่ง
นางสาวตรีนุช กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีเงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง ที่เรียกว่า ปิซูอิม ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามขอรับเอกสารที่เกี่ยวข้องจากทายาท ในส่วนของกระทรวงแรงงาน ได้มีการจ่ายเงินสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของกรมการจัดหางาน กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศให้กับครอบครัวไปเรียบร้อยแล้ว จำนวน 40,000 บาท และในส่วนของสำนักงานประกันสังคม ที่เป็นเงินสิทธิประโยชน์กรณีชราภาพให้กับทายาท อีกจำนวน 10,042 บาท รวมถึงเงินช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินสำหรับครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอลในส่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ อีกจำนวน 3,000 บาท
“ดิฉันขอยืนยันว่า จะให้การดูแลแรงงานไทยทุกคนที่ไปทำงานในต่างประเทศให้ได้รับการดูแล การคุ้มครองสิทธิ รวมไปถึง ความปลอดภัยในการที่พวกท่านจะต้องออกไปทำงานต่างบ้านต่างเมือง เพื่อนำรายได้กลับเข้าประเทศ อย่างเต็มที่” รมว.แรงงาน กล่าว
และ ในส่วนของการส่งแรงงานไปทำงานต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอิสราเอล กระทรวงแรงงาน ได้ประกาศยกเลิกการชะลอการส่งแรงงานไทยไปอิสราเอลแล้ว และทางกรมการจัดหางาน ตั้งเป้าที่จะส่งแรงงานไทยไปทำงานที่อิสราเอล โดยขณะนี้ เรามีแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในอิสราเอล ประมาณ 40,461 คน
น.ส.ตรีนุช ย้ำว่า การดูแลคุ้มครองแรงงานไทยในต่างประเทศ ได้ให้สำนักงานแรงงานในต่างประเทศ ทุกแห่ง ให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงรุกในการเข้าไปดูแลแรงงานไทยให้มีความปลอดภัย ในทุกมิติ อย่างเคร่งครัด
Advertisement