ภายหลังด่านพรหมแดนช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ถูกปิดด่าน เข้า-ออก ระหว่างไทย และกัมพูชา ส่งผลให้บรรยากาศเงียบเหงา ไม่มีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่าน มีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เท่านั้น รวมทั้งประชาชาชนทั้ง 2 ประเทศที่เคยผ่านแห่งนี้ เข้าออก เพื่อซื้อ ขายสินค้า ก็เงียบเหงาไปตามๆ กัน
จากการสำรวจพบคือตึกอาคาร โรงแรม และกาสิโน ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา ตรงข้ามด่านพรหมแดนถาวรช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ในปัจจุบันไม่มีลูกค้าชาวไทย ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของกาสิโนแห่งนี้กว่าร้อยละ 90 ของลูกค้าทั้งหมด ทำให้บรรยากาศดูเงียบเหงา มีเพียงลูกค้าชาวกัมพูชาบางส่วนที่เดินทางมาใช้บริการโรงแรมและเล่นกาสิโน
จากการสอบถามข้อมูลประชาชนในพื้นที่ใกล้ด่านช่องสะงำ เปิดเผยว่า ภายหลังมีการปิดด่านนานร่วม 2 เดือน ก็ส่งผลให้ประชาชนตามแนวชายแดนไทย ที่ต้องทำการค้าขายกับกัมพูชาก็ถูกหยุดไป ต้องหันไปหาช่องทางการค้าขาย ในพื้นที่อื่นแทน รวมทั้งประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ที่เคยเดินทางไปเล่นกาสิโน ที่ฝั่งประเทศกัมพูชาไม่มีเหมือนเช่นเคย
มีข้อมูลจากแหล่งข่าว อ้างว่าเมื่อช่วง 2 เดือนก่อนมีการประทะระหว่างไทย กับ กัมพูชา พบว่านักธุรกิจชาวกัมพูชา ได้สร้างอาคารสูง 4 ชั้น จำนวน 5 อาคาร อยู่ถัดออกไปอีกจากด่านช่องสะงำประมาณ 1 กิโลเมตร ห่างจากอาคารกาสิโนเล็กน้อย คาดว่าจะเป็นอาคารเพื่อรองรับชาวจีน ซึ่งพบว่ามีชาวจีนเดินทางมาในพื้นที่แห่งนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
แหล่งข่าวระบุว่าไม่แน่ใจว่าจะเป็นอาคารของกลุ่มสแกมเมอร์หรือไม่ แต่ก็มีเหตุต้องสงสัยเช่นกัน เพราะพบกลุ่มคนจีนมาอาศัยเพิ่มขึ้น ในบริเวณใกล้ด่านช่องสะงำ แห่งนี้
Advertisement