ยังไม่นิ่ง! ชาวกัมพูชายังปักหลัก - "แก๊งเครอท" เคลื่อนเข้าบ้านหนองจาน
ชายแดน บ้านหนองจาน - บ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่นิ่ง ชาวกัมพูชาปักหลักรวมถึง "แก๊งเครอท" เคลื่อนเข้าหนองจาน จับตาการเสริมแนวรั้วลวดหนามของไทย
(22 ก.ย. 2568) ผู้สื่อข่าวรายงาน เวลาประมาณ 07.00 น. บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว-หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว บรรยากาศทั่วไปเงียบสงบ แต่ยังคงปรากฏกลุ่มชาวกัมพูชาจำนวนราว 30-40 คน ปักหลักรวมตัวกันอยู่ตามเพิงพักใกล้แนวชายแดน โดยบางส่วนมีการจัดเวรยามผลัดเปลี่ยนคอยสังเกตความเคลื่อนไหวฝั่งไทยอย่างไม่ลดละ แม้ผ่านมาหลายวันก็ยังไม่แสดงท่าทีจะสลายตัวออกจากพื้นที่ และในช่วงเย็นของวันที่ 21 ก.ย. 2568 เวลา 18.29 น. ได้เกิดความเคลื่อนไหวใหม่ เมื่อกลุ่มที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า "แก๊งเครอท" ซึ่งเป็นมวลชนจากวัดและชุมชนใกล้เคียงฝั่งกัมพูชาเดินทางเข้ามายังรอบพื้นที่บ้านหนองจานติดกับแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยการปรากฏตัวของกลุ่มดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ไทย เนื่องจากอาจมีเป้าหมายเพื่อรวมกำลังหรือสร้างแรงกดดันเพิ่มเติม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ในขณะเดียวกันที่บ้านหนองหญ้าแก้วยังคงมีมวลชนกัมพูชากลุ่มเดิมกระจายตัวเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณแนวรั้วลวดหนามของไทย ซึ่งหากมีการเพิ่มเติมหรือขยายแนวป้องกันพวกเขาจะรีบรวบรวมข้อมูลและนำไปแจ้งแก่ผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่กัมพูชาโดยทันที สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการติดตามและรายงานความเคลื่อนไหวของฝ่ายไทยอย่างเป็นระบบ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงในพื้นที่เปิดเผยว่า การปักหลักอย่างต่อเนื่องของมวลชนกัมพูชารวมถึงการเสริมกำลังด้วย "แก๊งเครอท" จากวัดใกล้เคียง ถือเป็นพฤติกรรมที่น่าจับตา เนื่องจากอาจเป็นการจัดฉากหรือใช้กลยุทธ์ "ประชาชนเดินนำหน้าทหารเดินตามหลัง" เพื่อสร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยาและการทูต หากเกิดการกระทบกระทั่งเล็กน้อยก็อาจถูกขยายผลเป็นเหตุการณ์ระหว่างประเทศได้
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่กองกำลังบูรพาและฝ่ายปกครองอำเภอโคกสูง ยังคงเพิ่มความเข้มงวดในการลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และย้ำกับประชาชนไทยตามแนวชายแดนให้คงความสงบ ไม่ตอบโต้ หรือ ยั่วยุ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะที่อาจลุกลามบานปลาย
สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วและบ้านหนองจานจึงยังคงอยู่ในสภาวะเปราะบาง ต้องจับตาการเคลื่อนไหวทุกระยะ ทั้งนี้หากมีการเพิ่มแนวรั้วลวดหนามของฝ่ายไทยเชื่อว่า จะเป็นชนวนที่ทำให้มวลชนกัมพูชาออกมาเคลื่อนไหวกดดันมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
Advertisement
