จากกรณีที่ รมว.วัฒนธรรมและศิลปกรรมของกัมพูชา ออกมาประณามอย่างรุนแรงว่าการก่อสร้างวัดในประเทศไทย เลียนแบบสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของนครวัด โดยกล่าวว่าการก่อสร้างดังกล่าว เป็นการละเมิดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและจริยธรรมด้านมรดกของเขมรอย่างร้ายแรง จนมีประชาชนชาวกัมพูชาบางส่วนเรียกร้องให้ฟ้องศาลโลก
ล่าสุดวันนี้ (24 มิ.ย.68) ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ วัดพระพุทธบาทศิลา หรือ วัดภูม่านฟ้า ตั้งอยู่ ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พบว่าก็มีประชาชนทั้งในพื้นที่จังหวัด และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดเดินทางมาเที่ยวชม วัดภูม่านฟ้าต่อเนื่อง ส่วนการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ
ซึ่งภายใน วัดภูม่านฟ้าดังกล่าวมีการก่อสร้างหลายอย่าง อาทิ พระมหาเจดีย์ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ อาคารวิหาร, หลวงพ่อหินในวิหารน้อย, ภาพสลักนูนต่ำ ตั้งเรียงรายให้ได้เห็นตลอดทาง ลานพระนอน ฐานเป็นรูปเทวดา ยักษ์ และมนุษย์ เป็นต้น ส่วนใหญ่ทำจากหินทราย
นายพีระวัฒน์ จันทสิทธิ์ ไวยาวัจกรวัดภูม่านฟ้า ระบุว่า วัดไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรกับกรณีที่ รมว.วัฒนธรรมของประเทศกัมพูชากล่าวหาว่าทางวัดสร้างเลียนแบบ นครวัด เพราะกรณีนี้ไม่ใช่แค่เพิ่งจะเกิด แต่เป็นประเด็นมาหลายครั้งแล้ว
ที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานภาครัฐ ทั้งฝั่งไทยและกัมพูชา รวมทั้ง รมว.วัฒนธรรมของกัมพูชาก็เคยมาดูการก่อสร้างต่างๆ ที่วัดภูม่านฟ้าแล้ว ก็ยังระบุตรงกันว่า ไม่ได้มีการสร้างเลียนแบบนครวัดตามที่มีการกล่าวหา แต่เป็นปาฏิมากรรมที่สร้างขึ้นจากจินตนาการของเจ้าอาวาส ทำจากหินทราย และทำจากแรงศรัทธา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยมจิตใจของพุทธศาสนิกชนคนไทยทุกคน
ส่วนที่ชาวกัมพูชาเรียกร้องให้ยื่นฟ้องศาลโลกนั้น ก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะความเป็นจริงก็ไม่ได้สร้างเลียนแบบ
ด้านนายมนตรี พระศรี ชาวจังหวัดมหาสารคาม บอกว่า จากที่เคยเดินทางไปเที่ยวนครวัด ที่กัมพูชา และได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมที่วัดภูม่านฟ้ากับตา ยืนยันได้ว่าไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน วัดภูม่านฟ้าสร้างจากหินทราย แต่นครวัดทำจากศิลาแลง แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจที่กัมพูชามากล่าวหาแบบนี้ และไม่รู้ถึงเจตนาว่าทำไมถึงพูดช่วงที่มีปัญหาพิพาทกัน หรือต้องการปลุกกระแสประชาชนเท่านั้น
Advertisement