
ปี 2568 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมายตั้งแต่วันแรกของปี หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วจบลงไป แต่ขณะที่อีกหลายเหตุการณ์กลับเป็นชนวนเหตุที่สร้างผลกระทบต่อเนื่องอย่างใหญ่หลวงต่อสังคมไทย “อมรินทร์ทีวีออนไลน์” จึงขอย้อนไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละเดือน เพื่อบันทึกเอาไว้ว่าปีที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทั้งเพื่อการจดจำและการเรียนรู้ เพื่อเตรียมตัวสู่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปี 2569 กับ “Big Stories 2025”
1. ปลื้มปีติ! ในหลวงและพระราชินี เสด็จฯ เยือนภูฏาน
ราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรภูฏาน มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาช้านาน โดยเฉพาะราชวงศ์ทั้งสองที่มีสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกันมาเป็นเวลายาวนาน จะเห็นได้จากที่ราชวงศ์ภูฏานได้เสด็จเยือนประเทศไทยหลายต่อหลายครั้งทั้งที่เป็นทางการและเป็นการส่วนพระองค์
โดยเมื่อวันที่ 25-28 เมษายน 2568 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้เสด็จฯ เยือนภูฏานอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะ ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ถือเป็นการเสด็จฯ เยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในรัชกาล และเป็นการเสด็จฯ เยือนภูฏานครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทย
โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งด้วยพระองค์เอง ไปลงจอดยังสนามบิน ณ เมืองพาโรซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นสนามบินที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพราะด้วยทัศนียภาพที่ประบด้วยภูเขาสูง กว่า 5,500 เมตร
มีประชาชนชาวภูฏานรอรับเสด็จตลอดสองข้างทางที่ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ผ่าน ในระหว่างที่ปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่ภูฏาน แสดงให้เห็นถึงความจริงใจและความเอาใจใส่ของเจ้าบ้านที่มีต่อพระราชวงศ์ไทยอย่างแท้จริง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังป้อมทาชิโช กรุงทิมพู โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ทรงจัดพิธีรับเสด็จอย่างเป็นทางการ ทรงพระดำเนินตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ต่อจากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังลานเทนเดรลทัง เพื่อทอดพระเนตรการแสดงขบวนพาเหรดและสวนสนาม รวมทั้งการแสดงทางวัฒนธรรม ในช่วงค่ำ สมเด็จพระราชาธิบดี และสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน ได้ถวายพระกระยาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ณ พระราชวังเดเชนโชลิง
นอกจากนี้ ยังได้เสด็จฯ ไปยังสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดอร์เดนมา ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพระพรชัยมงคล โดยคณะสงฆ์ฏฏานและคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายละ 74 รูป รวมถึงการทอดพระเนตรการแสดงศิลปวัฒนธรรมของภูฎาน ได้แก่ การแสดงศิลปะการยิงธนู งานหัตถกรรมผ้าและสิ่งทอ และทอดพระเนตรนิทรรศการความร่วมมือระหว่างโครงการหลวงของไทยกับหน่วยงานฝ่ายฏฎาน โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
ก่อนเสด็จฯ กลับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯไปยังป้อมดุงการ์ ณ เมืองพาโร ทรงสักการะพระศากยมุนี และทอดพระเนตรกิจกรรมของราชวิทยาลัย และนิทรรศการเกี่ยวกับโครงการพัฒนาเมืองเกเลฟูให้เป็นเมืองแห่งสติปัญญาในเขตปกครองพิเศษ
การเสด็จฯ เยือนราชอาณาจักรภูฏานในครั้งนี้ ถือเป็นการกระชับมิตรภาพและความร่วมมืออันใกล้ชิดให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมทั้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ เป็นการเสริมสร้างมิตรภาพ และความเข้าใจอันดีให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปในทุกระดับ นับเป็นความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และความสัมพันธ์ของทั้งสองราชอาณาจักร
2. เครื่องบินเล็กตก ตร.ดับสลด 6 นาย
เหตุการณ์สลดนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 08.15 น. ของเช้าวันที่ 25 เมษายน 2568 กรมเจ้าท่า ได้รับแจ้งอุบัติเหตุ "เครื่องบินเล็ก" ตกในทะเลใกล้กับชายหาดแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เจ้าหน้าที่และหน่วยกู้ชีพกู้ภัยระดมกำลังเข้าช่วยเหลือ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบซากเครื่องบินเล็ก Twin Otter หมายเลขเครื่อง 36964 สังกัด "กองบินตำรวจ" ตกอยู่ในทะเลใกล้ชายหาดราว 30 เมตร
รายงานการบินเปิดเผยข้อมูลว่า มีนักบินและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดในเครื่องบินลำนี้ 6 นาย ซึ่งในจุดเกิดเหตุพบสัญญาณชีพผู้รอดชีวิตเพียง 1 ราย ทีมกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้ถึงมือทีมแพทย์อย่างเร่งด่วน แต่สุดท้ายก็ได้รับข่าวร้ายว่าเสียชีวิต ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องสูญเสียกำลังพลจากเที่ยวบินมรณะนี้ 6 นาย ประกอบด้วย นักบิน 3 ท่าน ได้แก่ พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ, พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูร, ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์, ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐ ปฏิบัติหน้าที่วิศวกรอากาศยาน, และช่างประจำเครื่องบิน 2 นาย คือ จ.ส.ต.ประวัติ พลหงสา ช่างเครื่อง และ ส.ต.ต.จิรวัฒน์ มากสาขา
ไม่กี่นาทีต่อมา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำทีมบินด่วนเพื่อเข้าตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ เพื่อกำกับการทำงานอย่างใกล้ชิด และได้ทำพิธีไว้อาลัยแก่กำลังพลที่เสียชีวิตอย่างสมเกียรติผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไทย
ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น จากการสอบสวนทราบว่า เครื่องบินลำนี้อยู่ระหว่างการขึ้นบินเพื่อปฏิบัติการทดสอบการบิน เตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจการฝึกกระโดดร่มในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่เครื่องขึ้นบิน (Take Off) เมื่อพ้นแนวรันเวย์ได้ไม่นาน เครื่องยนต์ก็มีเสียงดังคล้ายกับเสียงระเบิด จนเสียการทรงตัว นักบินพยายามแก้ไขจนสุดความสามารถ จนเครื่องตกลงทะเล ทั้งนี้ มีรายงานด้วยว่า นักบินพยายามประคองเครื่องบินเพื่อให้ตกลงยังทะเล เพื่อหลีกเลี่ยงพื้นที่บ้านเรือนประชาชน
สำหรับเครื่องบินลำดังกล่าว เป็นเครื่องบิน DHC 6-400 Twin Otter อากาศยานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีรหัสที่ท้ายเครื่อง เป็นเลข 5 หลัก คือ 36964 เริ่มเข้าประจำการตั้งแต่ปี 2563 ปฏิบัติภารกิจลำเลียงทางยุทธวิธีในหลายภารกิจ เช่น ขนส่งบุคคล ส่งกำลังทางอากาศ และส่งกลับสายแพทย์
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งด่วนให้ระงับการใช้อากาศยานทุกลำภายใต้สังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด และสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยกับกำลังพลและประชาชน
บทเรียนสำคัญที่ถูกพูดถึง และเป็นปัญหามาทุกยุคสมัย ก็คือ "เรื่องงบประมาณ" ในการซ่อมแซมบำรุงที่ไม่เพียงพอ หรืออาจมีความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้มีการวางกรอบการใช้งบประมาณใหม่ให้เกิดความโปร่งใส และที่สำคัญต้องเพียงพอต่อการดูแลอากาศยานให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ
3. "พีช" นักปาด บ้านใหญ่ธัญบุรี
อีกข่าวดังสะเทือนไปทั้งโซเชียล ปรากฏเหตุการณ์ที่มีลูกนักการเมืองท้องถิ่นบ้านใหญ่แห่งเมืองธัญบุรี เขาผู้นี้คือ "พีช" หรือ นายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ อายุ 28 ปี ซิ่งรถยนต์หรูป้ายแดงเบียดและชนเข้ากับรถกระบะของคุณลุงคุณป้าคันหนึ่ง บนถนนมอเตอร์เวย์สาย 9 (กาญจนาภิเษก) ในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568
ด้วยความที่เป็นครอบครัวนักการเมืองที่มีชื่อเสียง จึงถูกจับตามากเป็นพิเศษ และวิจารณ์ถึงพฤติกรรมของเจ้าตัวที่ดูแล้วไม่ค่อยน่ารัก แม้เจ้าตัวไม่ได้ขับรถพุ่งชนแบบจัง ๆ แต่หลักฐานจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นภาพหวาดเสียว ทั้งขับไล่จี้ ขับตัดหน้า และเบียดกินพื้นที่เลนถนน จนรถของคุณลุงกับคุณป้าเสียหลักพุ่งชนแบริเออร์ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ต่อมาเจ้าตัวเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.ลำลูกกา โดยตำรวจแจ้งไป 4 กระทง ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสสำหรับกรณีคุณลุง, ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสำรหรับกรณีคุณป้า, ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย และกระทงสุดท้ายทำให้เสียทรัพย์
แม้เจ้าตัวจะถูกตั้งข้อหา แต่ในทางกฎหมายยังถือว่าเป็น "ผู้บริสุทธิ์" จึงไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลธัญบุรี ในนามทีม "ธัญญก้าวหน้า" ทำให้เขาคว้าเก้าอี้ สท. ไปครองได้สำเร็จในเดือนถัดมา...แสดงให้เห็นว่า สุดท้ายแล้ว "คะแนนเสียง" ของคนในพื้นที่ยังไว้วางใจ "บ้านใหญ่ธัญญะ" นั่นเอง
4. ตึกถล่มดังโครม แต่ "สตง." กลับเงียบเป็นเป่าสาก
อีกหนึ่งเรื่องราวต่อเนื่องจากเหตุโศกนาฏกรรมแผ่นดินไหวที่เมียนมา สะเทือนถึงใจกลางกรุง เป็นเหตุให้อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง พังถล่มราบเป็นหน้ากลอง มีเหยื่อที่ต้องจบชีวิตเกือบ 100 ราย และยังมีผู้สูญหายอีกบางส่วน แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แต่เรื่องราวไม่จบลงง่าย ๆ
เดือนถัดมาคือ เมษายน 2568 "สตง." ถูกพูดถึงและถูกจับจ้องจากสังคมเป็นอย่างมาก เพราะน่าจะเป็นหน่วยงานเดียวที่ดูเงียบผิดปกติ ทั้งที่ควรออกมาแอ็คชัน แสดงความรับผิดชอบตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ
รายงานบ่งชี้ว่าสเปก "เหล็กเส้น" ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาคารพังถล่มลงมา สตง. หนีไม่พ้นการถูกตั้งคำถามในเรื่อง "การออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง" นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ระบุว่า มีการตรวจสอบไปถึงคณะกรรมการออกแบบ, ควบคุม และตรวจสอบงานกว่า 10 คณะ รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ซึ่งถูกตั้งคำถามว่ากระบวนการอาจไม่บริสุทธิ์ หรือมีการฮั้วประมูลเกิดขึ้นภายในหรือไม่
นอกจากนี้ สื่อก็จับโป๊ะบริษัทรับเหมาที่เป็นกิจการร่วมค้าไทย-จีน ทอาจมี "นอมินี" เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดด้านการถือหุ้นของต่างชาติ กลายเป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างไม่โปร่งใส
ขนาดชาวบ้านตาดำ ๆ ก็ยังคิดได้ ว่าอาคารสูงในกรุงเทพฯ มีหลายสิบแห่งหรืออาจมีเป็นร้อย แต่ทำไม "ถล่มแค่ตึกเดียว" ไม่แปลกใจที่หลายคนจะตั้งคำถามในแง่ลบกับหน่วยงานนี้ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานอื่น แต่พอเกิดเรื่องที่บ้านของตัวเองกลับ "เงียบเป็นเป่าสาก"
คดีนี้ตำรวจออกหมายจับผู้เกี่ยวข้อง 23 ราย ตั้งแต่ผู้เกี่ยวข้องกับการออกแบบและก่อสร้าง ในจำนวนนี้มีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทก่อสร้างทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งถูกแจ้งข้อหากระทำการประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ความผิดด้านวิศวกรรมก่อสร้าง การจัดซื้อจัดจ้าง และปลอมแปลงเอกสาร และจำเลยบางคนได้ประกันตัวชั่วคราวจากศาลเพื่อออกมาสู้คดีต่อ
เดือนเมษายน 2568 จึงเป็นเดือนที่ผสมผสานระหว่างภาพลักษณ์แห่งมิตรภาพอันงดงาม บทเรียนจากการสูญเสียที่เกิดจากปัญหาระบบงบประมาณ และคำถามถึงจริยธรรมของคนในสังคมและหน่วยงานรัฐที่ยังคงต้องการคำตอบที่ชัดเจน... แล้วพบกับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมได้ในตอนถัดไป
Advertisement