
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 24 พ.ย. 68 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กรุงเทพ นาย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยพร้อมด้วยน.ส.ธนนนท์ นิรามิษ ภริยา ร่วมงาน Dinner Talk ภายใต้หัวข้อ “THAILAND THE NEXT 4 YEAR”
โดยนายกฯ กล่าวปาฐกถาตอนหนึ่งว่า ทุกคนทราบดีว่าเสถียรภาพทางการเมืองคือเงื่อนไขแรกของสภาพเศรษฐกิจปีหน้ามีเลือกตั้งแน่นอน ยิ่งกว่าแน่นอน เพราะคนเสนอยุบสภายืนอยู่ตรงนี้ และมันก็ต้องยุบ เพราะเราให้สัญญากับ MOA กับพรรคประชาชนว่า จะยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 ม.ค. 2569 แค่นี้หลายคนยังทนไม่ได้เลย อยากจะให้ยุบเสียให้รู้แล้วรู้รอด เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็พร้อมเพราะเรา ยังมีความท้าทายอีกมากมายที่บางครั้งมันไปด้วยรถคันนี้ไม่ได้ เราก็ต้องคืนอำนาจให้กับประชาชนให้เขาตัดสินใจว่าจะให้ประเทศไทยเดินหน้าไปอย่างไร
แต่ถ้าเกิดยุบสภาก่อนวันที่ 31 ม.ค. 2569 สิ่งที่เกิดขึ้นหลายหลายอย่างจะไม่ได้ทำที่มันสามารถทำได้ในยุคที่ตนเป็นหัวหน้ารัฐบาลสิ่งที่เราได้เตรียมไว้ที่สำคัญที่สุดสำหรับประเทศในระยะยาวคือเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตนก็ต้องพยายามทำให้มันได้ เพราะพรรคประชาชนยอมให้เป็นนายกฯ ยอมให้ตนมาเป็นนายกฯ เพื่อที่จะมาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญในการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ เราก็หวังว่าถ้าเราสามารถเดินไปในทางแนวนี้ได้ประเทศไทยจะมีโครงสร้างอำนาจที่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยที่มีมาตรฐานจะไม่มีใครมานั่งเถียงว่ารัฐธรรมนูญนี้ดีหรือไม่ดีมาจากรัฐประหารหรือมาจากอะไรก็แล้วแต่
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตอนนี้เราเอาทุกอย่างมารวมกัน และมาช่วยกันร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมา ซึ่งถ้าทำได้ไม่ต้องยุบสภาก่อนเราก็จะเปิดเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ที่จะมีวาระ 1 วาระ 2 และวาระ 3 ถ้าไม่ต้องยุบสภาเสียก่อนภายในวันที่ 31 ธ.ค. 2568 วาระ 3 จะเรียบร้อยก็เหลือไปตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้ายุบสภาก่อนเรื่องของการรัฐธรรมนูญก็จะไม่มีอีกแล้ว ก็จะต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปจนกว่าจะมีกลไกทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้สิ้นสุดไป ก็ไม่น่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในอนาคตของประเทศไทย
Advertisement