สื่อเขมรตอกกลับดรามา! อ้างคณะ AOT เป็นของจริง ไทยหมดทางปฏิเสธ

สื่อเขมรตอกกลับดรามา! Fresh News อ้าง AOT คือ "พยานนานาชาติ" ยันเหตุ "เสียง ระเบิด" ต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์เป็นของจริง ชี้ไทยหมดทางปฏิเสธ 

จากกรณีสำนักข่าว Fresh News  สื่อออนไลน์ของกัมพูชา รายงานข่าวด่วนว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชา อ้างว่าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ฝั่งกัมพูชาได้ลงพื้นที่ตรวจสอบการหยุดยิงที่บริเวณด่านตรวจ CH1 ที่ประตู 1 ต.ทมะดา อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 68 เวลา 11.08 น. โดยกระทรวงกลาโหม อ้างว่า ระหว่างการตรวจสอบ ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ฝั่งไทย ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทีมสังเกตการณ์อาเซียนจึงตัดสินใจระงับการตรวจสอบในพื้นที่และถอนกำลังออกไป 

จนต่อมาวันที่ 19 พ.ย. 68 นาวาเอก ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) ยืนยันว่า คณะAOT ของกัมพูชาชุดดังกล่าวเป็นของปลอม และมีการจุดประทัดสร้างสถานการณ์เอง 

ล่าสุดวันที่ 20 พ.ย. 68 สำนักข่าว Fresh News สื่อออนไลน์ของกัมพูชารายงานว่าเหตุการณ์ใช้อาวุธต่อหน้า AOT “จะทำให้ไทยไม่สามารถปกปิดความจริงได้อีกต่อไป” 

(พนมเปญ): เสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งไทยในเช้าวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ด่านตรวจ “ชะ 1” ตำบลทมะดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ เกิดขึ้นด้านหน้ากลุ่มผู้สังเกตการณ์ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศกัมพูชา (AOT) เสียงปืนดังกล่าวทำให้กลไกของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศกัมพูชา (AOT) ต้องระงับการทำงานทันทีเพื่อความปลอดภัยในชีวิต Fresh Exclusive มีบทความเชิงลึก: 

ทุกครั้งที่มีเสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งไทย สร้างความหวาดกลัว และบางครั้งอาจทำให้พลเมืองกัมพูชาเสียชีวิตและบาดเจ็บตามแนวชายแดน ฝ่ายไทยมักจะใช้ถ้อยคำเดิมๆ ปฏิเสธว่าเสียงปืนนั้น “ไม่เป็นความจริง หลอกลวง เป็นการกระทำของกัมพูชา หรือไม่ใช่การกระทำของไทย” อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ยิงปืนเมื่อเวลา 11.08 น. ของวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ณ ด่านตรวจ “ชะ 1” ตำบลทฺมะดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ ท่ามกลางสายตาของ “กลุ่มผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT ในฐานะพยานนานาชาติ” เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ไทยไม่อาจปกปิดความจริงได้อีกต่อไป 

ระหว่างการตรวจสอบข้อตกลงหยุดยิงตามข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์ ทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากฝ่ายไทย ทำให้ AOT ต้องระงับการทำงานชั่วคราวเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อชีวิต บัดนี้ หากไทยต้องการปฏิเสธ จะปฏิเสธได้อย่างไร 

* ไทยละเมิดสันติภาพต่อหน้ากลไกอาเซียน 

นับตั้งแต่มีการลงนามข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิบัติตามพันธกรณีทั้งหมดด้วยความมุ่งมั่นและเป็นมืออาชีพ กองกำลังกัมพูชาทั้งหมดได้ปฏิบัติตามแผนการถอนกำลัง การกำหนดเขตสันติภาพ และการหยุดยิงอย่างไม่ขาดสาย 

ในทางกลับกัน ฝ่ายไทยแทบจะหนีไม่พ้นการละเมิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกมองว่าอยู่เบื้องหลัง AOT ซึ่งเป็นพื้นที่ “ที่อาเซียนมองไม่เห็น” อย่างไรก็ตาม การระเบิดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนไม่ได้เกิดขึ้นเบื้องหลัง AOT ของอาเซียน นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแม้ AOT ของอาเซียนจะอยู่ร่วมด้วย แต่ฝ่ายไทยก็ยังกล้าละเมิด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างร้ายแรง 

* AOT มีบทบาทอย่างไรที่ไทยกล้าเปิดฉากยิงใส่พวกเขา? 

ทีม AOT ซึ่งถูกบังคับให้ระงับการทำงานในขณะนั้น จะเข้าไปตรวจสอบการหยุดยิงจริงตามแนวชายแดน AOT เป็นองค์กรระหว่างประเทศภายใต้กรอบอาเซียนที่มีบทบาทดังต่อไปนี้:

• ติดตามการปฏิบัติตามข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์

• ตรวจสอบพื้นที่ชายแดน

• ตรวจสอบการยิง การเคลื่อนพล หรือการระดมกำลังทหาร และติดตามการละเมิดใดๆ

• รายงานต่อการประชุม RBC/JBC และการประชุมสุดยอดอาเซียน 

ดังนั้นเมื่อทีมทอท.ได้ยินเสียงปืนโดยตรงจากฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน นั่นหมายความว่าไม่ใช่เพราะกัมพูชาเป็นผู้รายงาน แต่เป็นกลไกของอาเซียน ซึ่งเป็นผู้รายงานและเห็นเหตุการณ์โดยตรง 

* ไทยสามารถปฏิเสธและกล่าวหาฝ่ายใดได้บ้าง? 

ก่อนหน้านี้ เมื่อกัมพูชารายงานการละเมิด การละเมิดการหยุดยิง หรือการยิงปืนใหญ่ใส่ดินแดนกัมพูชา ไทยใช้กลยุทธ์เพียงสามประการเท่านั้น: 

1. ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่จากฝ่ายไทย 

2. โจมตีด้วยถ้อยคำที่ว่า “กัมพูชาสร้างข่าวปลอม” 

3. เปลี่ยนทิศทาง กล่าวหากัมพูชาว่าเป็นการยั่วยุ หรือทหารกัมพูชายิงก่อน เป็นต้น แต่ปัจจุบันไทยไม่สามารถใช้กลยุทธ์นี้ต่อไปได้ เพราะการระเบิดอาวุธอยู่ตรงหน้าทอท. ซึ่งเป็นกลไกสังเกตการณ์ของกลุ่มอาเซียนทั้งหมด ไม่ใช่แค่กัมพูชาเพียงประเทศเดียว 

ด้วยเหตุนี้ AOT จึงคาดว่ารายงานการละเมิดนี้ต่ออาเซียนและประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น สหรัฐอเมริกา เป็นต้น จะเป็นพยานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยละเมิดข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ หากไทยปฏิเสธ หมายความว่าไทยปฏิเสธอาเซียน ไม่ใช่กัมพูชา ดังนั้น การละเมิดการยิงปืนเพื่อบังคับให้กลไกอาเซียนระงับการทำงาน จึงกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างไทยกับอาเซียน ไม่ใช่ระหว่างไทยกับกัมพูชา 

* ผู้บัญชาการทหารบกไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า “AOT ปลอม ก่อเหตุจุดประทัดเสียงดัง” 

หลังจากกัมพูชาประกาศเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นาวาเอก ธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) ได้วิพากษ์วิจารณ์กัมพูชาทันที 

รายงานข่าวไทยข่าวสด อ้างคำพูดของพันโทผู้นี้ที่กล่าวในแถลงการณ์ที่หนักแน่นว่า

• กัมพูชานำ “กลุ่มผู้สังเกตการณ์ AOT ปลอม” พร้อมด้วยคนสวมหมวกเบเร่ต์สีน้ำเงินประมาณ 30 คน เข้ามาในพื้นที่

• ร้อยโทไทยคนเดิมอ้างว่ากลุ่มนี้ “ไม่ใช่ AOT ตัวจริง” เพราะ AOT ตัวจริงมักจะประสานงานกับฝ่ายไทยล่วงหน้าเสมอ

• ฝ่ายไทยกล่าวหากัมพูชาว่า “จุดประทัด” เพื่อสร้างระเบิดเสียงดัง จากนั้นอ้างว่าไทยเป็นผู้ขว้างระเบิด

• ไทยยังกล่าวหาว่ากัมพูชา “แก้ไขภาพ” โดยใช้ภาพถ่ายเก่าของ AOT ตัวจริง เพื่อแสดงให้เห็นว่า AOT ได้เข้ามาในพื้นที่ในวันที่เกิดเหตุ ผู้บัญชาการคนเดิมยังคงใช้ถ้อยคำเท็จ โดยกล่าวหากัมพูชาว่าสร้างข่าวลือและข่าวปลอมในพื้นที่ขัดแย้ง

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวสดฉบับภาษาอังกฤษระบุในตอนท้ายว่า “หนังสือพิมพ์ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างอิสระว่าฝ่ายไทยอ้างอะไร” 

นั่นหมายความว่าการปฏิเสธของไทยเป็นเพียงกระบอกเสียงของรัฐบาลทหาร โดยไม่มีหลักฐานระหว่างประเทศมาสนับสนุน 

โดยสรุป: เหตุการณ์ยิงกันเมื่อวันที่ 19 พ.ย. ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากัมพูชาไม่ได้ขัดแย้งกับไทยในขณะนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือกัมพูชากำลังยืนเป็นพยานให้กับอาเซียน ขณะที่กำลังเข้าสู่ด่านตรวจ “ชะ 1” ในตำบลทมะดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ เพื่อรับทราบความจริงด้วยตนเอง 

หลายทศวรรษที่ผ่านมา กัมพูชาต้องเผชิญกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากทหารไทยตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง