(1 ต.ค. 2568) เวลา 15.30 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ บรรยายสรุปแก่คณะทูตานุทูตเกี่ยวกับคณะทูตานุทูตเกี่ยวกับผลการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 80 (UNGA80) และสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ ถือเป็นการทำงานวันแรก ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสมาชิกรัฐสภาภายใต้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
โดยนายสีหศักดิ์ กล่าวในที่ประชุมช่วงต้น โดยระบุว่า เนื้อหาที่จะกล่าวในวันนี้ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นอย่างไร รัฐบาลจะยุบสภาภายใน 4 เดือน และหลังจากนั้นจะมีการเลือกตั้ง จึงต้องทำให้ 4 เดือนของรัฐบาลนี้มีความหมายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เรามีเวลา 4 เดือนกับปัญหาเร่งด่วนในทุกๆ วัน และพยายามแก้ปัญหาระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงเมียนมาด้วย ซึ่งประเทศไทยควรต้องดำเนินการมากกว่านี้
นายสีหศักดิ์ ได้เน้นย้ำนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีรายละเอียดด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน พร้อมกันนี้จะมีการเสริมสร้างกรอบความร่วมมือ ทั้งในระดับอาเซียน โดยปลายปีนี้ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมตามกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (MLC) ซึ่งมีเป้าหมายว่าอาเซียนจะมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
โดยภายหลังการประชุม นายสีหศักดิ์ เปิดเผยว่าวันนี้เป็นวันแรกที่มารับหน้าที่อย่างเป็นทางการ หลังจากที่มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ ในเวลา 4 เดือนจะใช้ทุกวันให้เป็นประโยชน์ จึงเชิญคณะทูต ซึ่งท่านทูตหลายท่านเดินทางมาด้วยตัวเอง มาพูดคุยว่าภายใต้ในช่วงที่ตนเป็นรัฐมนตรีการต่างประเทศจะดำเนินการอย่างไร เราอยากจะเห็นการทูตที่นำประเทศไทยกลับสู่จอเรดาร์ การทูตที่ครอบคลุมหลายมิติ ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และการทูตที่ไปหลายทิศทาง ผลประโยชน์อยู่ตรงไหนเราต้องไป ไม่ใช่เฉพาะเรื่องใกล้ตัว
นอกจากนี้ ยังมีการเล่าให้ที่ประชุมฟังถึงกรณีเยือนนครนิวยอร์ก เพื่อเข้าร่วมประชุมสหประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ เราไปเพื่อให้เห็นว่าไทยมีแนวคิดและอยากจะมีบทบาทที่มีความหมายในเวทีระหว่างประเทศ เรามีจุดยืนเรื่องสำคัญอย่างไร ในถ้อยแถลงของตนก็พูดถึงวิกฤตยูเครน กาซา เราก็มีจุดยืน เราพูดถึงความเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและประเด็นที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ความมั่นคงของมนุษย์ สิทธิเด็ก สิทธิสตรี และสิทธิมนุษยชน เราก็พูดถึง
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้เจอกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศต่างๆ หลายประเทศ เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น ในฐานะประธานอนุสัญญาออตตาวา
"ได้เรียนให้เขาทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด ไทยก็ทำเรื่องร้องเรียนไปท่านรับทราบ เนื่องจากจะมีการประชุมใหญ่ในเดือนธันวาคมนี้ เราคิดว่าทางออกที่ดีที่สุดและสร้างสรรค์ที่สุด คือเราเร่งในเรื่องที่ตกลงกันในที่ประชุม GBC ในเรื่องการเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน” นายสีหศักดิ์ กล่าว
นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนยังได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งจะเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งรัสเซียมีความกระตือรือร้นอยากจะมีความสัมพันธ์กับไทย
“เพียงแต่เราไม่ได้พูดคุยลงรายละเอียดเรื่องไทยและกัมพูชา แต่ให้เขาทราบว่าเรากำลังแก้ไขปัญหาดังกล่าวในระดับทวิภาคี มีความคืบหน้าและอยากจะให้มีการเดินหน้าต่อไป เราไม่คิดว่าการนำเอาปัญหาสถานการณ์ปัจจุบันของไทย กัมพูชาไปสู่เวทีระหว่างประเทศ จะเป็นการช่วยแก้ปัญหา ผมได้เจอกับเลขาธิการสหประชาชาติ ได้สรุปให้ทราบถึงความคืบหน้าล่าสุดและความสัมพันธ์ระหว่างไทย กัมพูชา ผมยืนยันว่าไทยต้องการอยู่อย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ เราต้องการให้ประเทศเพื่อนบ้านก้าวหน้า ซึ่งความก้าวหน้าของเขาจะเป็นผลประโยชน์ต่อประเทศไทยด้วย" นายสีหศักดิ์ กล่าว
นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า ตนได้เล่าให้เลขาธิการสหประชาชาติ ฟังว่าเรากำลังเจรจากันอย่างไรมีการพูดถึงสถานการณ์ในเมียนมา รวมถึงเรื่องผู้ลี้ภัย ให้สามารถทำงานได้ ก็ถือเป็นความก้าวหน้าแสดงว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ลี้ภัย และการเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัยที่มาอยู่ในไทย
นายสีหศักดิ์ ระบุว่า เรื่องสำคัญคือถ้อยแถลงของตนเองในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่เกี่ยวกับไทยกับกัมพูชา ตนอยากให้เห็นว่าไทยไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร และเราไม่ควรจะเป็นศัตรูกัน เราพร้อมที่จะคุยเจรจาแก้ไขด้วยสันติวิธี แต่ต้องมีพื้นที่สำหรับการพูดคุยมีความจริงใจระหว่างกัน แต่พื้นที่นี้ยังไม่เปิด แน่นอนว่าเราต้องรักษาอธิปไตยของเรา ความปรารถนาของไทยคืออยากให้มีการพูดคุย ค่อยๆ หาทางเดินหน้าในความสัมพันธ์อย่างไร เรามีการประชุม GBC มีหลายประเด็นที่ได้มีการตกลง จึงจะต้องมีการเดินหน้า
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมมีการเจอกับนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา เราได้พูดกันว่าเราเป็นนักการทูต ต้องมีการพูดคุย ไม่ได้เป็นอุปสรรค เราต้องทำความเข้าใจ ตรงไหนที่ทำความเข้าใจได้ก็ดี
ขณะที่สหรัฐฯ จัดประชุม 4 ฝ่ายก็เป็นเจตนารมย์ต้องขอบคุณสหรัฐฯ ที่จัดประชุมดังกล่าว แต่มีเวลาน้อย ตนก็ยืนยันว่าอยากให้การประชุมสะท้อนถึงความพยายามที่ไทยพูดคุยเดินหน้าทำให้บรรยากาศของความสัมพันธ์ดีขึ้น
"แต่ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นก็มีการกล่าวหาประเทศไทย ก่อน ที่ไม่สะท้อนความเป็นจริงและไม่สะท้อนในสิ่งที่เคยพูดคุยกันไว้ ตนจึงต้องมีการปรับถ้อยแถลงเพื่อให้เห็นว่าประเทศไทยมีเจตนาอย่างไร ที่ผ่านมา เราช่วยกัมพูชามาโดยตลอด ไม่ได้เป็นการทวงบุญคุณ ช่วงที่เขาเจอปัญหาภายใน เราก็รับผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนเป็นกี่แสนคน ในช่วงที่ผมเจ้ากระทรวง ก็เห็นเหตุการณ์ด้วยตัวเอง เราช่วยเจรจาสันติภาพระหว่างกัมพูชาฝ่ายต่างๆ พยายามช่วยเขาฟื้นฟูประเทศ โดยเฉพาะการประชุมที่พัทยา ที่นำไปสู่การประชุมที่กรุงปารีส" นายสีหศักดิ์ กล่าว
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เรามีความปรารถนาที่ดี เหตุการณ์ปัจจุบันไม่ใช่สิ่งที่ไทยปรารถนา ดังนั้น จึงต้องมีการทำงานร่วมกันต้องหาจุดที่หาความคืบหน้า ว่าจะกลับสู่สภาวะปกติอย่างไร
Advertisement