สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารไทยได้ติดตั้งลวดหนามและเครื่องกีดขวางในอำเภอโอชรอฟ จังหวัดบันเตียเมียนเจย เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม โดย กัมพูชาได้เรียกร้องอีกครั้งให้ไทยยุติการกระทำใดๆ ที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยทันที เช่น การวางลวดหนามใหม่บริเวณชายแดน ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา มีรายงานว่าการยั่วยุของไทยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย
มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวในการแถลงข่าวช่วงบ่ายวันที่ 13 สิงหาคมว่า กองกำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดนของไทยได้วางลวดหนามและตั้งสิ่งกีดขวางด้วยยางรถยนต์ในหมู่บ้านโชคชัย ตำบลโอโปยจัน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันทายมีชัย เมื่อวันที่ 12 และ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา
“กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมใดๆ ที่เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและเจตนารมณ์ของข้อตกลงที่บรรลุในการประชุมพิเศษของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC) โดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะข้อ 2 และ 4 ซึ่งกำหนดให้ทั้งสองฝ่ายรักษากำลังทหารไว้ที่ตำแหน่งปัจจุบัน โดยไม่เคลื่อนตัวเกินพื้นที่ที่ยึดครองไว้เมื่อข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อเที่ยงคืนของวันที่ 28 กรกฎาคม” มาลีกล่าว
มาลี กล่าวเสริมอีกว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ควรระดมกำลังทหารหรือมีส่วนร่วมในการกระทำยั่วยุใดๆ ไม่ว่าจะบนบกหรือทางอากาศ
โดยเช้าวันที่ 13 สิงหาคม ชาวบ้านในจังหวัดบันทายมีชัย รายงานว่าบ้านของพวกเขาถูกล้อมด้วยลวดหนามที่ทหารไทยสร้างขึ้น พวกเขา ระบุว่าอาศัยอยู่ในบ้านเหล่านี้มานานกว่า 20 ปี ชาวบ้านกล่าวว่าทหารไทยประมาณ 100 นาย พร้อมด้วยโดรน ได้ติดตั้งเครื่องกีดขวางดังกล่าว แต่ทหารกัมพูชาไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้
พวกเขายังรายงานด้วยว่าทหารไทยได้ทำลายบ้านเรือนของชาวกัมพูชาในหมู่บ้านจำนวน 4 หลัง และยึดจุดผ่านแดนของกัมพูชาได้
สื่อยังรายงานอีกว่า ลวดหนามดังกล่าวสอดคล้องกับคำเรียกร้องของ บุญสิน พัดกลาง ผู้บัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ที่เชิญชวนประชาชนบริจาคลวดหนามเพื่อใช้ที่ชายแดน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคำร้องขอดังกล่าวทำให้รักษาการนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย รู้สึกไม่พอใจ โดยขอให้ใช้งบประมาณจากรัฐบาลแทน
Advertisement