วันที่ 20 ก.ค.2568 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่าหลังจากการตรวจสอบของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ยืนยันว่าทุ่นระเบิด 8 ลูกที่พบเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ และไม่มีใช้งานหรือในคลังอาวุธของไทย
ในขณะที่วันนี้ (20 ก.ค.68) มีการประชุมฝ่ายเลขาธิการ ศบ.ทก. ในระดับปฏิบัติการ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทาง ด้านต่างๆเพื่อเสนอ การดำเนินงาน ต่อที่ประชุมใหญ่ของ ศบ.ทก. พิจารณาในวันพรุ่งนี้ (21ก.ค.68) โดยย้ำว่าเรื่องนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมากฝ่ายไทยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงแนวทางในการดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป
วันนี้กระทรวงการต่างประเทศ จึงได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดดังกล่าว ไม่ได้ใช้หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับข้อมูลและหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่นๆที่หน่วยงานด้านความมั่นคงตรวจพบนำไปสู่ข้อสรุปได้ว่า เป็นการวางระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธะกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน(อนุสัญญาออสตาวา)
ไทยในฐานะ รัฐภาคีอนุสัญญาดังกล่าว จะดำเนินการตามอนุสัญญา โดยจะยังคงหาทางแก้ไขปัญหาร่วมกับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ร่วมกัน ภายในกรอบทวิภาคี
อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ค่อนข้างละเอียดอ่อน การสื่อสารผ่านช่องทางสังคมออนไลน์ อาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดหรือสร้างความแตกแยกโดยไม่ได้ตั้งใจ กระทรวงการต่างประเทศขอให้สังคมเชื่อมั่น ในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นจากรัฐบาลหรือหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อความสามัคคีของคนในชาติซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในยามนี้
Advertisement