อุกอาจ คนร้ายมีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน ชิงทองกว่า 2 แสนหลบหนี
อุกอาจ คนร้ายบุกร้านทอง ก่อนจะใช้อาวุธมีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน ชิงทองรูปพรรณมูลค่ากว่า 2 แสนหลบหนี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 16.00น โดยประมาณกล้องวงจรปิดภายในร้านทอง ป.อุดมสุข ตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนน สายท่าลานห้วยบง หมู่ 8 ตำบลบ้านครัว อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี บันทึกภาพเหตุการณ์ที่มีคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30-35ปี ขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สีเทาดำ มาจอดที่หน้าร้านทอง ป. อุดมสุข ก่อนจะเดินเข้าไปในร้านพร้อมอาวุธมีดปลายแหลม
ซึ่งตามภาพขณะนั้นมี นาง สุรีย์นุท อายุ 57 ปี (เป็นลูกค้า) กำลังนำแหวนหนัก 1 เฟื้องมาจำนำไว้กับ นางนันทวัน เปี่ยมเขียว อายุ 72 ปี เจ้าของร้าน ในราคา 5,000 บาท จู่ๆคนร้ายแต่งกาย สวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมแมสก์สีขาว ปิดบังใบหน้า กางเกงยีนส์ เสื้อคลุมแขนยาวสีครีม ดันประตูกระจกร้านเข้ามา
โดยขณะนั้น นางสุรีย์นุท ก็กำลังจะออกจากร้าน เป็นจังหวะ ให้คนร้าย ผลักกระจก และใช้มือบีบคอ ก่อนผลัก ให้นางสุรีย์นุท เข้ามาด้านในร้าน และใช้แขน รัดที่คอ นางสุรีย์ พร้อมทั้งใช้มีดปลายแหลม ที่พกมาจี้ที่เอว นางสุรีย์ และตะโกน ให้นางนันทวัน เจ้าของร้านทอง ส่งทองรูปพรรณให้พร้อมทั้งข่มขู่หากไม่ทำตาม ไม่เช่นนั้นจะใช้มีดปาดคอนางสุรีย์นุท ให้ตายต่อหน้านางนันทวัน ทำให้ นางนันทวัน ต้องหยิบทองรูปพรรณ ประมาณ 15 เส้น น้ำหนักเส้นละ 1 สลึง มูลค่า 1 สลึงประมาณ 16,000 บาท รวมทองรูปพรรณทั้งหมดมูลค่าประมาณ 240,000 บาท ส่งให้คนร้าย และคนร้ายก็รีบ หลบหนี ไป
โดยใช้เส้นทางรอยต่อ พื้นที่ อำเภอท่าเรือจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกันกับ อำเภอบ้านหมอจังหวัดสระบุรี นางสุรีย์นุท ยังทิ้งท้ายอีกว่า ตนเองไม่น่าเลือกวันนี้ มาร้านทองเพื่อจำนำแหวน เนื่องจากต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ตนเองกลัวจนตัวสั่น ซึ่งสาเหตุที่ต้องนำแหวนทองมาจำนำก็เพราะหลานชายป่วย ต้องนำเงินที่จำนำได้ 5,000 พาหลานชายไปหาหมอ แต่ก็มาเกิด เรื่อง คนร้ายใช้อาวุธมีดจี้ ตนเองเสียก่อน
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพร้อมทั้ง ข้อมูล รูปพรรณคนร้าย และแฟ้มอาชญากรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านหมอพร้อมชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ได้เบาะแสคนร้ายไว้เบื้องต้นแล้ว เนื่องจากระหว่างก่อเหตุ คนร้ายพูดว่าเป็นหนี้พนันบอล และจะนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้
ซึ่งร้านทองดังกล่าวเคยถูกคนร้ายก่อเหตุชิงทองมาแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้านี้ ในครั้งนั้น คนร้ายได้ทองเป็นแหวนหนัก 1 บาท และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ จนมาเกิดเหตุลักษณะนี้อีก
Advertisement
