“ปานเทพ” เผย สัมพันธ์ "ทักษิณ-ฮุนเซน" ยังไม่ขาด รัฐบาลไทยยังอ่อนข้อกัมพูชา ชี้ ต้องเปลี่ยนผู้นำหากหวังจัดการปัญหาชายแดน
เมื่อเวลา 11.10 น. วันที่ 13 ก.ค.68 ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายปานเทพ พังพงศ์พันธุ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จฮุนเซน ว่า ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก แม้จะมีความขุ่นเคืองใจกันอยู่ก็ตาม โดยระบุว่าทางสมเด็จฮุนเซนยังอ้างถึง “ความลับ” บางอย่างที่ยังไม่เปิดเผย ขณะที่ไทยเองแม้จะมีมาตรการในมือ แต่ก็ยังไม่ดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่พบว่ามีต้นทางจากกัมพูชาจำนวนมาก ไทยยังปฏิบัติอย่างอ่อนมาก เมื่อเทียบกับมาตรการที่ทางกัมพูชาดำเนินการมาแล้ว เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างในจุดยืนและความจริงจัง
เมื่อสอบถามถึงท่าทีของรัฐบาลกัมพูชา กรณีที่รัฐบาลจะถอนโครงการ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" นายปานเทพ มองว่า เรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมืองภายในของกัมพูชามากกว่าจะเกี่ยวข้องกับต่างประเทศ แม้จะมีผลประโยชน์บางส่วนของชาติต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายก็เป็นผลประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
ทั้งนี้ นายปานเทพ ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลกัมพูชากำลังเผชิญกับกระแสความนิยมที่ลดต่ำลง เช่นเดียวกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งขณะนี้ก็ได้รับความนิยมน้อยลง หากต้องการเดินหน้านโยบายใดก็จำเป็นต้องพิจารณาถึงกระแสสังคมที่เปลี่ยนไป การถอนตัวจากโครงการดังกล่าวจึงอาจเป็นเพียงการถอยในเชิงยุทธศาสตร์
ในประเด็นการเมืองไทย นายปานเทพ ให้ความเห็นว่า แม้สถานการณ์จะดูคลุมเครือ แต่ยังไม่ถือว่าเดินมาถึงทางตันเสียทีเดียว ประเทศยังสามารถหาทางออกได้ในเชิงเทคนิคและกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังไม่เห็นทิศทางชัดเจนว่า ประเทศจะก้าวพ้นวิกฤตไปได้อย่างไร
สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน นายปานเทพ เสนอว่า สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การมีผู้นำที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา โดยระบุว่า แม้จะมีท่าทีว่าไทยกับกัมพูชาแตกกัน แต่ข้อเท็จจริงกลับยังไม่มีการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ที่ทำไว้ในปี 2543 และ 2544 อีกทั้งการเจรจากับสหรัฐฯ และโครงการไตรภาคียังคงถูกปิดเป็นความลับ
“ หากนางสาวแพทองธารรู้สึกว่าเสียเปรียบหรือไม่ไว้ใจสมเด็จฮุนเซนจริง ก็ต้องแสดงจุดยืนให้ชัด ยกเลิก MOU ปี 43 และ 44 กลับมายึดหลักแผนที่กลาง ใช้เส้นมัธยัสถ์ตามหลักสากล และนำกลไก JBC มาใช้จัดการปัญหา เหมือนที่เมียนมาใช้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ” นายปานเทพ กล่าว พร้อมเสนอว่า หากรัฐบาลยังไม่สามารถทำได้ ก็ควรพิจารณาเปลี่ยนผู้นำที่มีความโปร่งใสและไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายปานเทพ ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลของกลไก JBC (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา) โดยเน้นย้ำว่าไม่ควรเป็นความลับ เพราะการเจรจาเรื่องเขตแดนเป็นเรื่องของความมั่นคงแห่งชาติ และประชาชนควรมีสิทธิได้รับรู้ และหากบอกว่าเป็นเพียงกรอบเจรจา ก็ต้องนำเข้าสู่สภา ถ้าเป็นประโยชน์ต่อประเทศ เหตุใดต้องปิดบัง ? การปิดบังเช่นนี้ยิ่งสร้างความสงสัย และอาจกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนอย่างรุนแรง
Advertisement