ด่วน! แพทยสภาย้ำมติเดิมลงโทษ 3 แพทย์เอื้อ "ทักษิณ" นอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ

ด่วน !! แพทยสภาชนการเมือง ย้ำมติเดิมลงโทษ 3 แพทย์เอื้อ "ทักษิณ" นอนชั้น 14 รพ.ตำรวจ เข้าประชุม 68 คน เสียงเกิน 2 ใน 3

วันที่ 12 มิ.ย. 68 ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการแพทยสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีการประชุมสำคัญคือการพิจารณาประเด็นที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ยับยั้งหรือวีโต้มติแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้ลงโทษแพทย์จำนวน 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จาก รพ.ราชทัณฑ์มารักษาตัวต่อที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยบรรยากาศ ที่อาคาร มหิตลาธิเบศร์ พบว่ามีสื่อมวลชนมาปักหลักรอทำข่าวจำนวนมาก อีกครั้งยังมีบรรดาแพทย์ จำนวน 1 มารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจแพทยสภา ขณะเดียวกันยังพบว่า มีประชาชนทั่วไปซึ่งขับรถผ่านที่ตั้งอาคารแพทยสภาได้ลดกระจกพร้อมตะโกนให้กำลังใจแพทยสภา

ล่าสุด นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา คนที่หนึ่ง แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภา เพื่อพิจารณามติแพทยสภาเกี่ยวกับมติการลงโทษแพทย์ 3 คน จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 ณ โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษ แพทยสภา ได้ยื่นวีโต้มติแพทยสภาดังกล่าว

โดย นพ.ประสิทธิ์ ระบุว่ากรณีการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจเกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน ในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.2568 มีวาระสำคัญ คือ การพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ แห่งแเพทยสภาวาระนี้มีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม จำนวน 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งสิน 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วย คะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิม ของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2568

โดยกระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะใช้เวลานานหรือไม่ ในกระบวนการนี้ คุณ หมอประสิทธิ์ บอกว่า พรุ่งนี้ก็น่าจะได้แล้ว เพราะวันนี้คณะกรรมการแพทยสภารับรองมติ นั่นหมายความว่าสามารถที่จะดำเนินการได้เลย

โดยกระบวนการ นายกแพทยสภา จะแจ้งให้ผู้ที่ถูกลงโทษได้ทราบ เช่นการยับยั้งการประกอบวิชาชีพเวชกรรมก็ต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่ต้องเคลียร์งานบางอย่าง เช่นนัดคนไข้ไว้ ซึ่งนายกแพทยสภา จะเป็นผู้กำหนดตรงนี้และสื่อให้ทุกท่านได้ทราบ

ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ ชี้แจง 15 นาที พร้อมกับแนบเอกสารชี้แจงนั้น คุณหมอประสิทธิ์ ระบุว่ากระบวนการในวันนี้ของการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เป็นกระบวนการที่คิดว่า เรารับฟังข้อคิดเห็นอย่างชัดเจน โดยท่านสภานายกพิเศษ ได้มาให้ความความคิดเห็นของท่าน ต่อมติแพทยสภาซึ่งท่านวีโต้ ขณะเดียวกันวันนี้ กรรมการแพทยสภาทุกท่าน อาจจะไม่ได้เข้ามาประชุมในครั้งที่แล้ว ได้รับเอกสารที่สภานายกพิเศษส่งถึงแพทยสภาส่งมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหตุผลแห่งการวีโต้ทั้งหมด ทุกท่านได้รับเอกสารนั้น พร้อมกับวันนี้กรรมการแพทยสภายังนำข้อมูลเหล่านั้นมาทำเปรียบเทียบ ให้เห็นมติของกรรมการแพทยสภาเพราะเหตุใด เหตุผลของการยับยั้งที่มาจากสภานายกพิเศษเพราะเหตุใด แล้วก็มีบทวิเคราะห์ ทั้งหมดนี้กรรมการแพทยสภาทุกท่านได้เห็นข้อมูลเหล่านี้และใช้ดุลยพินิจด้วยตัวท่านเอง จากข้อมูลที่มีกับเหตุผลต่างๆจึงมีมติมาตามนี้ เพราะฉะนั้นวันนี้คิดว่าเป็นกระบวนการที่โปร่งใสชัดเจนและทุกท่านสามารถใช้ดุลยพินิจได้ ภายใต้หลักวิชาการ ข้อมูลที่เป็นจริง และเหตุผล

ส่วนประเด็นเรื่องแชตไลน์หลุดนั้น อ.ประสิทธิ์ ชี้แจงว่า ก่อนหน้านี้ที่เราไม่โต้ตอบ แต่วันนี้จะให้ข้อมูลกับทุกท่าน ซึ่งที่กล่าวว่ามีแชตหลุดนั้น ที่จริงเป็นข้อมูลที่อยู่ LINE กลุ่ม ที่ไม่ใช่ LINE กลุ่มเป็นทางการของแพทยสภา หากสังเกตมีการลบป้ายชื่อกลุ่มไลน์ตอนบนออก เป็นข้อมูลที่แพทย์ที่ไม่ได้เป็นกรรมการแพทยสภามีการเมนชั่นถึง และที่มีการพูดถึงนายทักษิณ ชินวัตร และในกรรมการแพทยสภาที่มีผู้ส่งสติกเกอร์ YES ลงไป หลายคนใช้ไลน์ คงจะทราบว่า เวลาคนส่งมา เราได้รับ เราก็ YES โดยที่ไม่ได้หมายความว่าทั้งหมดนั้น

ก่อนย้ำว่า 1. นี่ไม่ใช่ LINE กลุ่มของทางการของแพทยสภา ที่ส่งเข้ามาเป็นของแพทยสมาคม

2.การตอบนั้นไม่ได้มีการส่งสติกเกอร์อะไรเข้าไป เพื่อแสดงความคิดเห็น แต่เป็นการ YES ตามลงไป เพราะฉะนั้น การที่บอกว่าสิ่งเหล่านี้ จะไปกระทบ คำตอบคือไม่ใช่

และประเด็นที่ 3 อย่างที่กราบเรียนตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคม ว่าการพิจารณาวาระนี้ของแพทยสภา ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าใครคือผู้ป่วย เราพิจารณาตามหลักการ หลักวิชาการ และปลอดจากปัจจัยรอบข้าง วันนี้ข้อมูลเหล่านี้ที่ออกมา จะทยอยให้ดู แต่วันนี้สาระใหญ่ มาสรุปมติของคณะกรรมการแพทยสภาในวันนี้

สำหรับมติของแพทยสภาในวันนี้ “ถ้าให้พูดตรงๆ ไม่ได้เกินแค่ 2 ใน 3 วันนี้เราพิจารณาเป็นรายกรณี ทั้งสามกรณี แต่ละกรณีกรรมการแพทยสภาที่เห็นชอบกับมติเดิม เกิน 60 เสียงขึ้นไป ใน 69 เสียงที่สามารถออกเสียง เห็นชัดเจนตนเชื่อว่าวันนี้ชัดเจนมาก ในเหตุผลของมติเดิม ก็คือการลงโทษ ตั้งแต่คราวที่แล้ว วันนี้ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ต้องเพิ่มเติม ”

สำหรับกรณีที่มีการแนบเอกสารของศาลปกครอง ประกอบการชี้แจงของนายสมศักดิ์ คุณหมอประสิทธิ์ บอกว่า ไม่ได้กังวล ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า การพิจารณาการทำงานของคณะกรรมการสอบสวน มีการประชุมไปทั้งหมด 10 ครั้ง แต่ละครั้งใช้เวลา 1 ถึง 6 ชั่วโมง จริงๆแล้ว มีสามครั้งเท่านั้น ที่เกิดหลังจากเราได้รับเอกสาร ตั้งแต่ช่วงเมษายนที่ได้รับเอกสารเพิ่มเติม แต่เวลาทำงานทั้งหมด ก็อยู่ระหว่าง 10 ถึง 60 ชั่วโมง แต่จริงๆที่ท่านเห็นสี่เดือน ไม่ใช่ทำเรื่องนี้อย่างเดียว เราประชุมเรื่องอื่นด้วยโฟกัสทีละเรื่อง แต่วันนี้กรรมการแพทยสภา เราใช้เวลาพิจารณาไประดับหนึ่งแล้ว วันนี้มีการพิจารณาซ้ำอีกคิดว่าใช้เวลาเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นกรณีจริยธรรมการแพทย์ ไม่สามารถไปเปรียบเทียบกับรายกรณีที่วิชาชีพ วิชาการ ไม่เหมือนกัน concept ไม่เหมือนกัน จะสามารถเอามาอ้างให้เทียบเคียงกันนั้น คงไม่ไม่เหมาะสม

เพื่อสอบถามว่ากังวลเรื่องของการเปิดรายชื่อคณะกรรมการหรือไม่ อ.ประสิทธิ์ บอกว่า การที่แพทย์จากหลากหลายสถาบัน จากหลากหลายรุ่น รวมทั้งประชาชนคนไทยกว่า 50,000 คน ที่ได้ลงนาม จะเห็นได้ว่าสาระของท่านเหล่านั้น ต้องการให้แพทยสภา ยึดมั่น และยืนหยัดอยู่ในความถูกต้อง และรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่กรรมการแพทยสภาทุกท่านตระหนัก และตั้งใจดำเนินการอย่างนั้นอยู่แล้วเพราะฉะนั้นสิ่งหล่านั้น ไม่ใช่แรงกดดัน แต่เป็นกำลังใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากทำ และความเห็นตนคือชอบแล้วซึ่งการกระทำ แต่มีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่าง พยายามที่จะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ อย่างนี้แหละ คือให้ทำในสิ่งที่เราไม่ต้องการทำอย่างนี้ อย่างนี้จึงเรียกว่ากดดัน หรือบางกรณีเรียกว่าข่มขู่ด้วยซ้ำ

ท้ายสุด ขอเป็นตัวแทนแพทยสภา ขอบคุณท่านทั้งหลาย คนไทยทั้งหลาย ที่คิดว่าวันนี้ได้แสดงซึ่งชัดเจน อยากให้แพทย์สภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณวิชาชีพ และวันนี้กรรมการแพทยสภาได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ขอส่งเหล่านี้ส่งกลับทุกท่าน กำลังใจที่ส่งมาได้ส่งผลแล้ว

ส่วนรายละเอียด วันนี้อยากสรุปในภาพใหญ่ก่อนว่าวันนี้มติคืออะไร และจะไปแถลงอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าการที่แจ้งชื่อบุคคลที่โดนโทษ ตนเองมองว่าอาจจะไม่ได้เหมาะสมที่จะต้องรีบแจ้ง หากเราเป็นคนเหล่านั้น แต่กระบวนการชัดเจนอยู่แล้วใครโดนเท่าไหร่ เพราะอย่าลืมว่า ยังไม่ได้ออกคำสั่งออกไป ให้เราออกคำสั่งให้เรียบร้อยเสร็จก่อน เราจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนึง

-ซึ่งระยะเวลาในการพักโทษ ไม่ได้เท่ากัน เพราะฐานความผิดไม่ได้เหมือนกัน เราไม่ได้ดำเนินการให้เท่ากันผลการดำเนินงานก็จะไม่เท่ากัน

ทั้งนี้หากแพทย์ที่ถูกลงโทษจะมีการส่งเรื่องไปให้ศาลปกครองนั้น เมื่อมีการไปร้องเรียนศาลปกครอง และเข้าสู่กระบวนการของศาลปกครองเราก็ดำเนินการ ตามอำนาจตุลาการ ซึ่งสามารถทำได้ นี่คือสิ่งที่ธรรมาภิบาลของประเทศนี้ ถ้าไม่ถูกก็ไปร้องเรียนได้ หน้าที่เราก็คืออธิบายให้ทางศาลได้รับทราบ

ทั้งนี้ นอกจากแพทย์ทั้งสามคนแล้ว ยังมีแพทย์คนอื่นที่ต้องได้รับการลงโทษเพิ่มเติมหรือไม่ หมอประสิทธิ์บอกว่า เรากำลังจะพิจารณาเพิ่มเติม

ส่วนการตัดสินของแพทยสภาในวันนี้ จากที่นายสมศักดิ์ เป็นคนบอกว่าจะเป็นบรรทัดฐานให้กับแพทย์รุ่นลูกรุ่นหลานนั้น หมอประสิทธิ์ บอกว่า

“ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่ หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ และเราเข้าใจความถูกต้อง เราเข้าใจบทบาทและหน้าที่เหมือนกัน วันนี้เราทำตามสิ่งที่ถูกสั่งสอนมา และคิดว่าวันนี้แพทย์ทั้งหลายที่เรียนอยู่ ก็ได้เห็นกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาและเป็นกรณีต่อไปว่าบทบาทของแพทย์มีมากมาย มากกว่าการรักษาคนไข้อย่างเดียว คือการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการรักษา

เมื่อสอบถามว่ารู้ตัวคนที่ปล่อยแชต LINE แล้วหรือยัง และจะเอาผิดอย่างไรนั้น นายแพทย์ประสิทธิ์ ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ก่อนเดินกลับขึ้นลิฟต์ไปประชุมต่อ