Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เสตท สัญญะทางสังคม หมอไม่เอาห้อยคอถ่ายรูป  พร็อพที่ขาดไม่ได้ของหมอปลอม

เสตท สัญญะทางสังคม หมอไม่เอาห้อยคอถ่ายรูป พร็อพที่ขาดไม่ได้ของหมอปลอม

15 ก.ย. 68
15:32 น.
แชร์

เสตท หูฟังแพทย์ สัญญะทางสังคมที่หมอจริงมักไม่เอาห้อยคอถ่ายรูป แต่สิ่งกลับเป็นพร็อพสำคัญขาดไม่ได้ของ หมอปลอม

หากพูดถึงภาพจำของ “หมอ” สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักนึกถึงก็คือ เสื้อกาวน์สีขาวสะอาด และเครื่องมือหนึ่งที่ห้อยคออยู่แทบจะตลอดเวลา นั่นคือ “เสตท” หรือชื่อเต็มว่า สเตทโทสโคป (Stethoscope) อุปกรณ์สำหรับฟังเสียงภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเสียงหัวใจ ปอด หรือลำไส้ กลายเป็นสัญลักษณ์ของวิชาชีพแพทย์ไปโดยปริยายจนแม้แต่เด็ก ๆ วาดรูปคุณหมอก็มักจะใส่เสตทไว้ด้วยเสมอ

แต่ในขณะที่เสตทเป็น “หัวใจของการตรวจร่างกายเบื้องต้น” ของแพทย์ผู้มีความรู้จริง กลับมีอีกด้านหนึ่งของเรื่องราวที่น่าขมขื่น เพราะมันกลายเป็น พร็อพสำคัญของหมอปลอม คนแอบอ้าง หรือผู้ที่ต้องการสร้างภาพความน่าเชื่อถือทางการแพทย์โดยไม่ผ่านการเรียนรู้จริง เสตทจึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่ยังเป็น “เครื่องหมายทางสังคม” ที่อาจถูกใช้ทั้งเพื่อรักษาชีวิต หรือเพื่อหลอกลวงเอาชีวิตก็ได้

จุดกำเนิดของสเตทโทสโคป

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1816 นายแพทย์ เรเน่ เลแนก (René Laennec) ชาวฝรั่งเศส ได้คิดค้นเครื่องมือฟังเสียงภายในร่างกายขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากเขารู้สึกอึดอัดที่จะต้องใช้วิธีเก่าซึ่งเรียกว่า “การแนบหูตรง” (Immediate Auscultation) โดยแพทย์ต้องเอาหูไปแนบที่หน้าอกของผู้ป่วยโดยตรงเพื่อฟังเสียงหัวใจหรือปอด วิธีนี้นอกจากจะไม่สะดวกแล้ว ยังเป็นเรื่องไม่เหมาะสมในกรณีผู้ป่วยเป็นสตรี

เลแนกจึงนำแนวคิดง่าย ๆ จากการได้ยินเสียงไม้เคาะผ่านท่อนไม้มาประยุกต์ เขาเอากระดาษมาม้วนเป็นท่อกลม ๆ แล้วใช้ฟังเสียงที่หน้าอกของผู้ป่วย สิ่งนี้กลายเป็นต้นกำเนิดของ Stethoscope (มาจากภาษากรีก stethos = หน้าอก, skopein = ส่อง/ตรวจ) และถูกพัฒนาต่อมาเป็นท่อไม้ ท่อโลหะ และในที่สุดกลายเป็นหูฟังแพทย์แบบสองรูที่เราเห็นทุกวันนี้

กว่า 200 ปีมาแล้วที่เสตทกลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ขาดไม่ได้ เพราะมันช่วยให้หมอสามารถ “ฟัง” การทำงานของร่างกายโดยไม่ต้องผ่าหรือเปิดออก เป็นเหมือนหน้าต่างที่เปิดเข้าไปดูหัวใจและปอดได้เพียงแค่แนบหู

ความสำคัญของเสตทในการตรวจรักษา

ในมิติของการแพทย์ เสตทถือเป็น “การตรวจพื้นฐาน” ที่แทบจะใช้ในทุกห้องตรวจ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลใหญ่หรือคลินิกเล็ก ๆ หมอจะฟังอะไรจากเสตทบ้าง?

• เสียงหัวใจ : ตรวจการเต้นว่าปกติหรือไม่ มีเสียงฟู่ (murmur) ที่บ่งบอกโรคลิ้นหัวใจผิดปกติหรือไม่

• เสียงปอด : ตรวจว่ามีเสียงวี้ด (wheeze) จากหลอดลมตีบเหมือนโรคหืด หรือเสียงกรอบแกรบ (crackle) ที่บ่งถึงปอดอักเสบหรือน้ำท่วมปอด

• เสียงลำไส้ : ฟังการเคลื่อนไหว ถ้าเงียบผิดปกติอาจแปลว่าลำไส้หยุดทำงานจากการอุดตัน

• ความดันโลหิต : ใช้เสตทร่วมกับเครื่องวัดความดันแบบปรอทหรือดิจิทัล ฟังเสียงการไหลเวียนในหลอดเลือดแดง

เรียกได้ว่าเพียงแค่เสตทกับทักษะที่ถูกฝึกฝน หมอก็สามารถเก็บข้อมูลสำคัญมหาศาลโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือราคาแพงใด ๆ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เสตทยังอยู่คู่แพทย์ทั่วโลกมาจนปัจจุบัน แม้จะมีเครื่องสแกน CT, MRI หรืออัลตราซาวด์ก็ตาม

เสตทในฐานะ “สัญลักษณ์” ของความเป็นหมอ

เมื่อเวลาผ่านไป เสตทไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่มันกลายเป็น สัญลักษณ์ทางสังคม ทุกครั้งที่เห็นคนห้อยเสตท เรามักจะตีความว่า “เขาคือหมอ” หรืออย่างน้อย “เขาเกี่ยวข้องกับการแพทย์” ภาพจำนี้ถูกสร้างขึ้นจากสื่อ ภาพยนตร์ ละคร ไปจนถึงโฆษณายา ทำให้เสตทเป็นเหมือนเครื่องหมายของความน่าเชื่อถือด้านสุขภาพ

แต่ตรงนี้เองที่ทำให้เสตทกลายเป็นดาบสองคม เพราะ คนที่ไม่ใช่หมอก็สามารถใช้มันสร้างภาพได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นหมอเถื่อน หมอปลอม คนขายยาหม้อสมุนไพร หรือแม้แต่ผู้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน เสตทจึงเป็นพร็อพที่ทรงพลังในเชิงจิตวิทยา เพราะเพียงแค่ห้อยคอ มันก็ทำให้ผู้พบเห็นคลายความระแวงและพร้อมจะเชื่อถือ

หมอจริง vs หมอปลอม : แค่เสตทไม่ทำให้ใครเป็นหมอ

สิ่งที่ประชาชนควรเข้าใจคือ การมีเสตทไม่ใช่ใบเบิกทางความรู้ เพราะเสตทไม่สามารถทำงานได้เองโดยไม่ผ่านการฝึกฝน หมอจริงต้องใช้เวลาหลายปีในการเรียนรู้เสียงต่าง ๆ ของหัวใจและปอด เสียงผิดปกติแต่ละแบบต้องผ่านการฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อแยกแยะ เช่น เสียง murmur บางชนิดแทบจะฟังไม่ออกถ้าไม่มีประสบการณ์ แต่หมอปลอมกลับหยิบเสตทมาแขวนคอเพื่ออวดภาพลักษณ์โดยไม่เคยผ่านการฝึกใด ๆ

กรณีที่น่าเป็นห่วงคือเมื่อเสตทถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวง เช่น การเปิดคลินิกเถื่อนโดยผู้ไม่มีใบอนุญาต หรือการตรวจรักษาแบบอ้างวิชาที่ไม่ได้มาตรฐาน ผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยเคยตกเป็นเหยื่อเพียงเพราะ “เห็นหูฟังแพทย์ห้อยคอ” แล้วเชื่อว่าเขาคือหมอจริง

พร็อพที่ขายได้ง่าย แต่ทำร้ายได้หนัก

ทุกวันนี้ การหาซื้อเสตทไม่ใช่เรื่องยาก อุปกรณ์นี้วางขายทั่วไปทั้งร้านขายเครื่องมือแพทย์และแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลายพันบาทตามคุณภาพและยี่ห้อ หมายความว่าใคร ๆ ก็สามารถซื้อมาแขวนคอได้ แต่การมีเสตทโดยไม่มีความรู้ทางการแพทย์ก็เหมือนคนถือปืนแต่ไม่เคยเรียนการใช้งาน ไม่เพียงไร้ประโยชน์ แต่ยังอาจก่ออันตรายต่อผู้อื่น

ความน่ากลัวจึงไม่ได้อยู่ที่ตัวเสตท แต่อยู่ที่ “ภาพลักษณ์” ที่มันสร้างขึ้น คนทั่วไปมักจะไม่กล้าตั้งคำถามกับคนที่ห้อยเสตท ทั้งที่ความจริงแล้วคน ๆ นั้นอาจไม่รู้แม้แต่การใช้เครื่องวัดความดันพื้นฐาน

มิติทางสังคมและวัฒนธรรมของเสตท

การที่เสตทกลายเป็นสัญลักษณ์ความเป็นหมอจนถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ สะท้อนให้เห็นว่าในสังคมไทย (และอีกหลายประเทศ) ความเชื่อใจที่ประชาชนมีต่อบุคลากรทางการแพทย์สูงมาก ความเชื่อนี้ดีต่อการรักษา แต่ก็กลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้คนร้ายฉวยโอกาสได้ง่าย การห้อยเสตทจึงเหมือน “ใบเบิกทางทางสังคม” ที่เปิดประตูเข้าสู่ความเชื่อใจของคนไข้

ไม่เพียงในชีวิตจริง แม้แต่ในสื่อโฆษณายาก็มักจะใช้ภาพหมอใส่กาวน์ห้อยเสตทมาพูดให้คำแนะนำ แม้ว่าผู้แสดงจะไม่ใช่หมอจริงก็ตาม นี่คือการใช้สัญลักษณ์ทางการแพทย์เพื่อสร้างอำนาจทางความน่าเชื่อถือ ทั้งที่เนื้อหาที่สื่อสารอาจมีความจริงแค่ครึ่งเดียว

วิธีสังเกตและป้องกันไม่ให้ถูก “เสตทหลอก”

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องรู้ว่า เสตทไม่ใช่หลักฐานของความเป็นหมอ หากเจอใครสวมเสื้อกาวน์ ห้อยเสตท แต่ไม่สามารถแสดงบัตรประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือใบอนุญาตจากแพทยสภาได้ เราควรตั้งข้อสงสัยทันที

สัญญาณเตือนง่าย ๆ ได้แก่

• ไม่สามารถแสดงบัตรประกอบวิชาชีพหรือใบอนุญาต

• ใช้เสตทเพียงเพื่อสร้างภาพ แต่ไม่เคยอธิบายผลการตรวจอย่างเข้าใจได้

• เปิดคลินิกในที่ลับตา ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล

• เสนอการรักษาที่ผิดปกติ เช่น ฉีดยาแปลก ๆ ขายยาสมุนไพรรักษาสารพัดโรค

เสตท หรือ สเตทโทสโคป เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ถือกำเนิดขึ้นจากความต้องการตรวจรักษาอย่างเหมาะสม กลายมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนในช่วงสองศตวรรษที่ผ่านมา มันคือหูและตาของแพทย์ที่เปิดให้เข้าใจร่างกายมนุษย์โดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ในขณะเดียวกัน เสตทก็กลายเป็นสัญลักษณ์ทางสังคมที่ถูกหยิบไปใช้ในเชิงพร็อพ เพื่อสร้างภาพลักษณ์โดยผู้ที่ไม่มีสิทธิจะใช้

ประชาชนจึงควรเรียนรู้ว่า เสตทเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่ใบประกอบวิชาชีพ การเห็นใคร ห้อยเสตทไม่ได้แปลว่าเขาคือหมอจริง ความปลอดภัยของเราไม่ควรฝากไว้กับภาพลักษณ์ แต่ควรฝากไว้กับมาตรฐานที่ตรวจสอบได้ เช่น ใบอนุญาตจากแพทยสภา

เพราะสุดท้ายแล้ว เสตทของหมอจริงคืออุปกรณ์รักษาชีวิต แต่เสตทของหมอปลอมคือพร็อพที่พาชีวิตของคุณไปเสี่ยง

Advertisement

แชร์
เสตท สัญญะทางสังคม หมอไม่เอาห้อยคอถ่ายรูป  พร็อพที่ขาดไม่ได้ของหมอปลอม