เพจดังแฉสนั่น!สาวปลอมใบประกอบวิชาชีพแพทย์ อ้างรักษาคนไข้
เพจดังแฉสนั่น! หญิงสาวปลอมใบประกอบวิชาชีพแพทย์ โพสต์อ้างรักษาคนไข้-แพทยสภาเร่งตรวจสอบ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เพจ “Dr. Dark” โพสต์ข้อมูลพร้อมภาพหลักฐาน แฉหญิงสาวรายหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าปลอมแปลงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม โดยนำรูปและข้อมูลแสดงในลักษณะเป็นแพทย์จริง ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือจบการศึกษาแพทย์ตามหลักสูตร โดยเพจดังกล่าวระบุว่า หญิงคนนี้ใช้เอกสารดังกล่าวเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในเชิงพาณิชย์ เช่น การขายอาหารเสริม
นอกจากนี้ ใน Facebook ส่วนตัวของหญิงสาวรายดังกล่าว ยังพบการโพสต์สเตตัสยาวหลายครั้ง เล่าประสบการณ์การทำงานในฐานะ “หมอ” รวมถึงพูดถึงการรักษาคนไข้ราวกับเป็นแพทย์ตัวจริง สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ใช้งานโซเชียลจำนวนมาก หลายคนมองว่าเป็นการหลอกลวงและเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง
จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าหญิงสาวรายนี้เคยมีพฤติกรรมแอบอ้างสถานะนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคเหนือ โดยมีการเผยแพร่ภาพบัตรประจำตัวนักศึกษาที่มีรหัสลงท้ายด้วย “270” อย่างไรก็ตามทางมหาวิทยาลัยให้ข้อมูลว่า ในแต่ละปีจะรับนักศึกษาแพทย์เพียง 250 คนเท่านั้น และรหัสนักศึกษาของแพทย์จะต้องลงท้ายด้วย “250” ไม่ใช่ “270” ซึ่งยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยว่าบัตรดังกล่าวอาจเป็นของปลอม หรือใช้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง
ตรวจสอบพบข้อมูลจากกลุ่มโซเชียลมีเดียของมหาวิทยาลัยเดียวกันที่มีผู้เสียหายออกมาแฉว่า หญิงสาวรายนี้เคยมีพฤติกรรมฉ้อโกงด้านการเงิน และยังมีข่าวลือเชื่อมโยงว่าอาจเคยเกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในอดีต
ล่าสุด พล.อ.อ. นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา ระบุว่าจากกรณีดังกล่าวเร่งรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีพร้อมย้ำอีกครั้งถึงผู้ที่กำลังคิดจะทำ ปลอมเป็นหมอผิดกฎหมาย
กรณีหมอปลอมเคสล่าสุด ที่มีผู้แจ้งมา หลักฐานปรากฏ มีบัตรประจำตัวปลอม ใช้เลขที่ปลอม โดยผู้ปลอมเป็นเพศหญิง สวมรายละเอียดของคุณหมอผู้ชายท่านหนึ่ง แอบอ้างวุฒิ อย่างไรก็ตาม การปลอมเว็บไซต์แพทยสภา นอกจากจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ และพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม หากมีผู้ถูกหลอกแล้วเสียหาย แจ้งความได้ สามารถอ้างแพทยสภาเป็นพยานได้
สำหรับท่านใดมีหลักฐานพฤติกรรมเพิ่ม เลขาธิการแพทยสภาขอส่งให้มา ขณะนี้รับเรื่องไว้ดำเนินการแล้ว อยู่ระหว่างมอบอำนาจดำเนินคดีกับตำรวจ ตามหลักฐานที่ปรากฏ แม้ว่าไม่มีใบประกอบวิชาชีพให้แพทยสภาพักใช้ แต่ก็มีโทษปรับและจำคุก โดยเคสนี้พบการปลอมบัตรโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเชียงใหม่ ต้องฝากโรงพยาบาลตรวจสอบด้วย
Advertisement
