นายกฯ ขอบคุณหลักสูตรปธพ. -แพทยสภา ทำผลงานประจักษ์หลายเรื่อง
นายกฯขอบคุณหลักสูตรปธพ. -แพทยสภา ทำผลงานประจักษ์หลายเรื่องภูมิใจผ่านเป็นรมว. สธ. เพราะมีเครือข่ายช่วยหนุน แม้เจอวิกฤติโควิด ย้ำต้องเอาฟอกไตฟรีกลับมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับมอบโล่เกียรติยศ หลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (ปธพ.) ในงานสัมมนาวิชาการแพทยสภาและสถาบันมหิตลาธิเบศร 2568 และกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ธรรมาภิบาลทางการแพทย์กับการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน” ณ ห้อง World Ballroom ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอบคุณ แพทยสภาที่เฉมากล่าวปาถกถา วันนี้ ตนเป็นศิษย์เก่ารุ่นที่ 5 และได้รับประโยชน์มากมายจากการเป็นศิษย์เก่าในหลักสูตรแห่งนี้อย่างน้อยคือเพื่อนเกือบ 100 คนในหลักสูตรและการที่ได้มีการจัดงานเช่นนี้ทุกปีก็ทำให้เราได้เครือข่ายและมีเพื่อนเพิ่มมากขึ้น ตอนนี้รุ่นที่ 11 แล้วกำลังจะรุ่นที่ 12 เมื่อเรามาอยู่ในเครือเครือข่ายใน ปธพ.ก็จะมีเพื่อนไม่ต่ำกว่า 1,000 คนซึ่งแต่ละคนล้วนแต่มีวุฒิภาวะมีประสบการณ์ มีผลงานต่างๆมากมาย และสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อย่างมากมายมหาศาล
ซึ่งมีเหตุการณ์เป็นที่ประจักษ์หลายครั้งแล้วว่าเมื่อใดบางครั้งหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเกิดวิกฤติใดใด เราก็สามารถใช้เครือข่ายใช้สายสัมพันธ์ของเราที่มีอยู่ในหลักสูตร ปธพ.แห่งนี้แก้ไขปัญหาและทำให้ สถานการณ์คลี่คลายไปได้ทั้งด้านสาธารณสุข การแพทย์ ตลอดจนการบริหารราชการแผ่นดินหรือแม้กระทั่งการช่วยเหลือพรรคพวกเพื่อนฝูงในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
นายรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ตนเองเหมือนได้กลับบ้าน หลังจากพลศักดิ์ มนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไปสองปีซึ่งตอนที่เป็นนักดนตรีสาธารณสุขก็ได้มากิจกรรมทุกปี วันนี้ต้นได้รับเกียรติมารับโล่ที่ระลึก ซึ่งเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และความจริงแล้วเรารู้จักกันมากกว่า 70% เป็นเพื่อนกัน มีทั้งอดีตผู้บังคับบัญชา ก่อนจะแซวตัวเองว่สอดีตผู้บังคับบัญชาที่บ้านก็มี บางท่านเคนเป็นร่วมงานเพื่อน และคนที่มาทำงานด้วยกันจนถึงปัจจุบัน ตนขอเรียนด้วยความเคารพว่าหลักสูตรนี้หากเราได้ความร่วมมือและมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่มีความใกล้ชิดและเชื่อถือในระบบทางการแพทย์ ระบบสาธารณสุข เชื่อถือในระบบสายสัมพันธ์ คุณงามความดี บารมีของบุคลากรทางการแพทย์ จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศไทยอย่างมากมายมหาศาล และในขณะเดียวกันก็จะสร้างคุณภาพประโยชน์ให้กับรัฐมนตรีคนนั้น ตนเชื่อว่าตนรอดการเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขมาได้ส่วนหนึ่งมาจากหลักสูตร ปธภ. เพราะช่วงนั้นมีแพทย์เต็มไปหมด ตนเป็นรัฐมนตรี 4 ปี เจอโควิดไปแล้ว 3 ปี ซึ่งในช่วงนั้นหากไม่มีการสนับสนุนทางการแพทย์ รอยยิ้มและรอยฝ่ามือที่ลงบนแผ่นหลัง ขององคมนตรีบอกว่าเชื่อมือ และให้ความมั่นใจว่าทำได้ตรงนั้นก็เป็นกำลังใจอันประเสริฐ // อาจารย์ ที่นั่งฟังตนบนและคอยชี้แนะต่างๆสิ่งเหล่านี้เราได้เห็นในขณะที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขหากไม่มีสายสัมพันธ์ดั้งเดิมมาก่อนมันก็ยาก
พร้อมเล่า ย้อนถึงประสบการณ์การแก้ปัญหาโควิดพร้อมระบุว่าถึงแม้ว่าจะทำลายล้างแต่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบสาธารณสุขไทยและเชื่อว่าวันนี้ หากท่านเอกนิติ นิติทัณประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะขออนุมัติงบมา 50,000 ล้าน หรือ 100,000 ล้าน ก็ไม่สามารถซื้อความเชื่อมั่นทางระบบสาธารณสุขให้กับนานาชาติได้เพราะทุกอย่างมาจากองค์ความรู้ประสบการณ์ และสิ่งที่ทำต่อไปคือจะทำอย่างไรให้เกิดการถ่ายทอดและเป็นทฤษฎีเป็นการศึกษาเพื่อนำไปสู่ปฏิบัติต่อไป
พร้อมย้ำว่า งบประมาณในการแก้ปัญหาโควิดขณะนั้นนำมาลงกับการรักษาคนไทยและใช้ในประเทศทั้งหมดมีเพียงเงินที่ซื้อวัคซีนกับซื้อยาที่ออกไปนอกประเทศและช่วงหลังไทยก็ ผลิตยาเอง
ทั้งนี้ถือเป็นครั้งครั้งแรกและเป็นศาสตร์ที่ โรงพยาบาลรัฐในประเทศ ซึ่งติดลบมาตลอด แต่เมื่อมีโควิดทำให้โรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลขึ้นเป็นบวก และยังมีเงินเหลือในการบริหารจัดการภายในโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลใหญ่และโรงพยาบาลเล็ก ตอกย้ำว่า ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ
จากนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องการหาเงินมารองรับคือสังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะนโยบายที่ตนเคยให้ไว้คือนโยบายฟอกไตฟรี คนไทยทุกคนต้องไตฟรี เพราะคนไทยยังต้อง เผชิญ ความลำบากอีกมหาศาล ทั้งค่ารถและค่าเดินทาง ไม่ต้องไปคิดว่าพรรคไหนทำแล้วจะได้คะ แนนนเสียง “จะเอาชีวิตของประชาชนมาเปรียบเทียบกับคะแนนเสียงกระจอกๆนี้ไม่ได้” ซึ่งตนให้นโยบายไปและรัฐมนตรีและตอบรับทันที
ส่วนภาคเอกชน รัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนในการที่จะทำให้ประเทศไทยเป็น Health hub of the world สร้าง hospitel และ medical tourism ซึ่งตอนนี้ใกล้จะเป็นจริงแล้ว
ทำธุรกิจเชื่อว่าใครก็ตามที่มาทำธุรกิจทางการแพทย์จะช่วยเพิ่มมูลค่าสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาอย่างมหาศาล ซึ่งจะต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ไปที่ไหนก็เพิ่มมูลค่าได้ไม่ต้องแข่งกันลดราคา ของพรีเมี่ยมยังไงก็ถูกกว่าที่ต้องจ่ายในหลายประเทศ ซึ่งเรื่องระบบสาธารณสุข ตนกล้าพูดได้ว่า ต่างชาติมาเรียงคิวขอความร่วมมือกับไทย
Advertisement
