นายกฯ ชี้แจง ร่าง พ.ร.บ. งบฯ ปี 67 เรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ ว่าเป้าหมายของประเทศไทยคือต้องการเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้า เพื่อเชื่อมโลกเข้าด้วยกัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจง ร่าง พ.ร.บ. งบฯ ปี 67 เรื่องโครงการแลนด์บริดจ์ (Land Bridge) สรุปว่า เป้าหมายประเทศต้องการศูนย์กลางการขนส่งสินค้าหลายชนิด และศูนย์กลางการในการผลิตสินค้า ที่โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งประเทศไทยมีความพร้อม ทั้งสนามบินสุวรรณภูมิ และท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังที่ขณะนี้สร้างไปถึงเฟส 3
ซึ่งในอีก 10 – 15 ปีข้างหน้า จะมีปรมาณการขนส่งสินค้ามากขึ้น และปัจจุบันช่องแคบมะละกาไม่สามารถรองรับ และบริหารจัดการการเดินเรือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากมีความแออัดแล้ว ยังเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยการที่ประเทศไทยจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริจด์จะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศขึ้นไปอีก และเราจะสามารถเชื่อต่อโลกทั้งโลกเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะน้ำมันขนส่งทั่วโลก 60% ที่ผ่านช่องแคบมะละกา ถือเป็นสินค้าหลักที่ทั่วโลกมีความต้องการสูง หากช่องแคบมะละกามีความคับแคบเรื่องการขนถ่ายสินค้าก็จะเกิดปัญหา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลตระหนักดีถึงคิดทำแลนด์บริดจ์ และจุดยืนด้านการขนส่ง ประเทศไทยมีความเป็นกลางความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสหัฐอเมริกา มีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่ทั้ง 2 ประเทศ ก็ยังคงต้องค้าขาย
นายเศรษฐา ย้ำด้วยว่า เป็นเรื่องจำเป็น และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ หรือเพิกเฉยต่อเสียงของประชาชนในพื้นที่ โดยจะดำเนินการสำรวจความคิดเห็นและรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายฝ่ายค้าน ภาคประชาชน ประชาสังคมและนักธุรกิจทุกคน เพื่อให้แน่ใจว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการเมกกะโปรเจคที่มีความสำคัญโครงการหนึ่งของโลก อีกทั้งยังชี้เห็นถึงข้อดีการทำโครงการแลนด์บริดจ์ ที่จะดึงนักลงทุนเข้ามาสร้างฐานการผลิตในประเทศ อย่าง ซาอุดิอาระเบียที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน อาจจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางพลังงาน นอกจากความมั่นคงทางอาหาร ทำให้ไทยมีความพร้อมยืนบนโลก ท่ามกลางความขัดแย้งและสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะการทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนยกระดับขึ้นมา
Advertisement