นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเสวนา ในหัวข้อ "Rethinking Thai Sports in a Disruptive Era" กล่าวว่า นักกีฬา ต้องดูแลร่างกายในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา เทรนกล้ามเนื้อต่างๆ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์ ในแง่ของวิทยาศาสตร์การกีฬาและโภชนาการที่ต้องมาเสริมกัน ซึ่งรัฐบาล หรือหน่วยงาน Soft Power สามารถช่วยเหลือให้ทางนักกีฬา เข้าถึงเรื่องพวกนี้ได้อีกเยอะมาก ถ้าพูดถึงเรื่องเชิงพาณิชย์ เรื่องรายได้เป็นเรื่องสำคัญ การต่อรองกับทีมและสปอนเซอร์ นักกีฬานักกีฬาต้องการคนมีความสามารถ ความจริงใจที่จะช่วยเพิ่มรายได้ ซึ่งนี่เป็นกลไกสำคัญที่ต้องเดินไปข้างหน้าในอนาคต ถ้าได้คนมีความรู้ด้านกฎหมาย แต่มีความจริงใจ และมีรายเซ็นด้วยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เข้ามาดูนักกีฬาในเชิงพาณิชย์ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อต่อยอดไปในทางราชการ
จากปัจจุบันเรามีกองทุนกีฬามีกระทรวงการกีฬาและท่องเที่ยวขอบเขตความรับผิดชอบงานต่างๆ เยอะพอสมควร เช่นกองทุนพัฒนากีฬาเป็นหน่วยงานใหญ่ที่ให้การสนับสนุน สำหรับกีฬาประเภทต่างๆ เรามีความเป็นธรรมหรือไม่เอาอะไรมาเป็นเครื่องชี้วัดในการแบ่งเงินไปยังกีฬาต่างๆ และโครงการของรัฐบาล นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร มีโครงการ หนึ่งรัฐวิสาหกิจหนึ่งกีฬาที่เป็นประโยชน์และหวังว่าจะได้พลังหนุนจากเอกชนที่สนับสนุนด้านกีฬา อย่างไรก็ตามทุกอย่างเริ่มต้นจากที่บ้าน เช่น เจ ธนาธิป พ่อแม่ดูแลอาหารการกินการนอนและการเทรนต่างๆ จุดเริ่มต้นต้องมาจากที่บ้านส่วนองค์ความรู้ ต้องเริ่มต้นตั้งแต่ประถม และเชื่อว่าหากเรามีนักกีฬาเยอะและมีทรัพยากรรวมถึงมีความพร้อมอย่างวิทยาลัยพละศึกษา จะช่วยสามารถพัฒนากีฬาได้
ส่วนเรื่องการแบ่งสรรค์งบประมาณไปยังกีฬาต่างๆ ต้องมีหลายปัจจัยที่มาคุยกัน ซึ่งปัจจุบันมีการจัดการบริหารที่ไม่เป็นธรรม ไม่มีเคพีไอที่ชัดเจน จึงขอฝากกองทุนกีฬาไว้ด้วย และเราต้องจัดสรรงบประมาณต่างๆ ก็ต้องทำให้เหมาะสม จะให้เอกชนเข้ามาช่วยได้อย่างไร ในขณะที่ภาคราชการเองก็ยังไม่มีความโปร่งใสเลย
ส่วนจะทำอย่างไรให้นักกีฬา นั้นมีรายได้ และทุกคนอยากจะเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จนั้น นายเศรษฐามองว่า เรามีช่วงที่ขาขึ้น เช่น กีฬามวยไทยคนที่ประกอบอาชีพ นักมวยไทยมีช่วงพีคอยู่ไม่กี่ปี หลังจากนั้นก็สามารถตัวหารายได้ผันตัวไปเป็นครูฝึก หรือทำผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องกับมวยไทยได้ต่อ
โดย นายเศรษฐา ได้ฝากไปถึงกระทรวงวัฒนธรรม ว่าเป็นศิลปินแห่งชาติที่นั้น ไม่มีศิลปินแห่งชาติที่เป็น นักกีฬาเลย ตนมองว่าการที่ได้เหรียญทอง 2 เหรียญหรือเอากีฬาไทยไปเผยแพร่ในระดับโลกก็ควรที่จะได้เป็นศิลปินแห่งชาติแล้วจึงขอฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งถ้าตนให้ตำแหน่ง ศิลปินแห่งชาติได้ตนก็คงให้
นอกจากนี้นายเศรษฐา ยังกล่าวถึงฟุตบอลไทยว่า เราต้องพัฒนาร่วมกัน ทั้งการกีฬาและสมาคมฟุตบอล เพราะเรามีปัญหา เรื่องของผู้ตัดสินและความยุติธรรมต่างๆ รวมถึงโควตานักเตะต่างชาติ จากตอนแรกที่มีเพียงแค่ 2 คนตอนนี้เพิ่มเป็น 5 คน จนการแข่งขันบางครั้งก็ไม่แทบจะไม่มีคนไทย จึงอยากฝากว่าก่อนที่ วงการจะพัฒนาไปถึงพรีเมียร์ลีก ที่ไม่จำกัด สัญชาติเลยควรมีพื้นที่ไว้ให้คนไทยด้วย เพราะกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีความนิยมสูง รัฐบาลคงเข้าไปเข้าข่ายในเรื่องของกติกาก็คงไม่ได้
ส่วนเมื่อไหร่ฟุตบอลไทยจะได้ไปฟุตบอลโลกนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า สมัยก่อนเราเป็นอันดับ 1 ของอาเซียนแต่ขณะนี้เราไม่มั่นใจแล้ว อย่างฟุตบอลญี่ปุ่นกว่าจะไปฟุตบอลโลกได้เขาวางรากฐานกว่า 30 ปี ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าของเรานั้นนับหนึ่งหรือยัง ไม่ได้พูดเพื่อให้หมดความหวังและกำลังใจแต่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่สมาคมฟุตบอล ปั้น รากฐาน เด็กๆ ขึ้นมา ไม่เช่นนั้นคงไกลเกินฝันและคงบอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะได้ไปบอลโลก และหากจะไปฟุตบอลโลกได้ก็ต้องเป็นเจ้าภาพอย่างเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่เอามาพูดเล่นกัน การไปฟุตบอลโลกก็เป็นความหวังของใครหลายคนเพราะคนไทยหลายคน
Advertisement