แค่ขี้ลืม หรือ สมองเสื่อม มาเช็คอาการและทำความรู้จักโรคสมองเสื่อมแบบเข้าใจง่ายๆ

31 พ.ค. 60

17:50 น.

แชร์

คุณหมอ : อย่างแรกต้องดูที่อายุก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าอายุต่ำกว่า 60 ปี ต้องพยายามหาสาเหตุให้เจอ จะไม่เรียกว่าเป็น โรคสมองเสื่อม แต่ถ้าอายุเกิน 60 ปี ถ้ามีอาการหลงๆ ลืม ส่วนใหญ่จะเกิดจากโรคสองเสื่อมเป็นส่วนใหญ่

คุณหมอ : ภาวะโรคสมองเสื่อม จะเกิดในผู้มีอายุ 60 ปี คือก้อนใหญ่ๆ 1 ก้อน และในก้อนนั้นจะมีโรคต่างๆ มากมาย

และโรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เจอเยอะที่สุด ในโรคภาวะโรคสมองเสื่อม (ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษาโรคสมองเสื่อมให้หายขาดได้)

ภาวะโรคสมองเสื่อม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สมองเสื่อม กับ โรคอัลไซเมอร์ เหมือนกันหรือเปล่า ขี้ลืมแบบไหนผิดปกติ

สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ตัวเร่งการเสื่อมของสมอง อย่าคิดว่าดีต่อสุขภาพ

นึกชื่อไม่ออก บอกได้แค่ "ไอ้นั่นๆ" เช็กสัญญาณเตือนก่อนอัลไซเมอร์มาถึง

คุณหมอ : ปัจจุบันจะ "ใช้ยารักษา" เพราะเมื่อเป็นโรคสมองเสื่อมคือการที่สารเคมีในสมองจะเสียสมดุลไป จึงต้องให้ยาบางตัว เข้าไปช่วยเรื่องสารเคมีในสมอง และบางรายอาจใช้วิธี "พฤติกรรมบำบัด" โดยจะดูจากพฤติกรรม โดยคนที่เป็นโรคสมองเสื่อม จะต้องให้ทำกิจวัตรประจำวันตามตารางเวลาให้ชัดเจน เนื่องจากคนที่เป็นโรคสมองเสื่อมจะจำไม่ได้ เช่น ถ้าทานข้าวเช้า เวลา 08.00 น. ก็จะต้องทานข้าวเช้าเวลา 08.00 น. ทุกวัน พยายามอย่าไปเปลี่ยนแปลงตารางเวลา หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมของผู้ป่วย

คุณหมอ : ในภาวะผู้สูงอายุทุกคน มีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อม แต่ก็มีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่น เช่น โรคประจำตัว, โรคเบาหวาน, ความดัน, การดื่มสุรา, สูบบุหรี่ และ กรรมพันธุ์

คุณหมอ : ถ้าอายุไม่ถึง 60 ปี ไม่เรียกว่าโรคสมองเสื่อม แต่อาจจะมีโรคความจำผิดปกติได้ เช่น หลงลืมไปชั่วขณะ อาจจะเกิดจากการประสบอุบัติเหตุ สมองได้รับการกระทบกระเทือน หรือขาดเลือดไปเลี้ยงสมองชั่วขณะ ทำให้หลงลืมไปชั่วขณะ จะไม่เหมือนกับโรคสมองเสื่อม เพราะโรคสมองเสื่อมคือความทรงจำจะหายไปเลย และเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ ส่วนโรคความจำผิดปกติ ความทรงจำจะหายไปแค่ช่วงนั้น แต่ความทรงจำอื่นๆ ยังจำได้เป็นปกติ

คุณหมอ : เริ่มแรกต้องดูจากสาเหตุว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เช่น ถ้ามีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน, ความดัน โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นก็จะมีสูง หรือถ้าบางคนเกิดจากอุบัติเหตุ ก็ต้องมาดูรายละเอียดว่าเกิดจากสมองบวม, สมองช้ำหรือไม่ หรือถ้าเกิดจากความเครียดที่ร่างกายสร้างปฏิกิริยาป้องกันร่างกาย ที่เกิดภาวะเครียดมากจนเกินไป สมองจึงปิดรับเรื่องนั้นไปเลย โดยร่างกายทำให้เกิดขึ้นเอง ก็จะต้องพยายามไม่ให้ผู้ป่วยเกิดภาวะเครียด พยายามทำให้ผ่อนคลาย

คุณหมอ : 1. ไม่ทำอะไร ซ้ำๆ บ่อยๆ เช่น ลองเปลี่ยนเส้นทางการขับรถ ลองหาเส้นทางใหม่ๆ เพื่อให้สมองได้เกิดความคิด 2. ทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำบ้าง เช่น วาดรูป, อ่านหนังสือ 3. เช็คสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งสำคัญ