5 โรคเงียบที่แม่วัย 50+ เสี่ยงเป็น แต่ลูกอาจไม่เคยรู้ รักแม่ต้องหมั่นสังเกต ช่วยกันดูแลและป้องกันก่อนสายไป
วันแม่ปีนี้ นอกจากการแสดงความรักต่อคุณแม่ สิ่งที่ลูกๆ หลายคนต้องทำอีกอย่างคือการหมั่นสังเกตสุขภาพของคุณแม่ เพราะยิ่งอายุเยอะยิ่งมีภาวะเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เกิดขึ้นได้ หมอเจด - นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แนะนำลูกๆ สังเกตอาการคุณแม่วัย 50+ ป้องกัน 5 โรคเสี่ยงที่ลูกๆ อาจไม่รู้หรือไม่ทันได้สังเกตเห็น
1. ไขมันพอกตับ
หลายคนตกใจ แม่ไม่ดื่ม ไม่กินมัน ไม่กินเยอะ แต่ทำไมยังมีไขมันพอกตับ โรคนี้มักเจอบ่อยมากในแม่ๆ วัย 50+ แม่บางคนไม่ได้อ้วนเลย ไม่ได้กินของมันหรือของทอด แต่กลับตรวจเจอว่าไขมันพอกตับซะงั้น ความจริงคือ กินแป้งเยอะ กินหวานบ่อย ก็ก่อไขมันพอกตับได้เหมือนกัน โดยเฉพาะแป้งขัดขาว ขนมหวาน น้ำตาลในเครื่องดื่ม พวกนี้ถ้าเข้าเยอะ ร่างกายเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมที่ตับได้ง่ายมาก แถมแม่ในวัยนี้ ฮอร์โมนเปลี่ยน ระบบเผาผลาญเริ่มแผ่ว แค่กินเท่าเดิมแต่ไขมันไปเกาะตับแล้ว สิ่งที่น่ากลัวคือ ไม่มีอาการอะไรให้รู้ตัวเลย วันดีคืนดีไปตรวจร่างกาย ถึงจะเจอว่าค่าเอนไซม์ตับสูง หรือเจอจากอัลตราซาวด์ว่าไขมันเกาะเต็มตับไปแล้ว
วิธีสังเกตอาการ
- แม่มีท้องใหญ่ขึ้น ทั้งที่กินเท่าเดิม
- ไปตรวจสุขภาพแล้วเจอ ค่า AST/ALT สูง
-บางคนเริ่มบ่นเหนื่อยง่าย จุกแน่นด้านขวาบน
วิธีป้องกัน
- ชวนแม่ลดแป้งขาว ขนม ของหวานลงหน่อย
- เดินหลังอาหารทุกมื้อ จะช่วยเผาผลาญได้
- ถ้าตรวจเจอแล้ว ควรปรึกษาหมอเรื่องการกินเสริมหรือปรับอาหาร เช่น บางคนอาจได้ประโยชน์จากโอเมก้า-3 หรือวิตามินอี
2. กระดูกพรุน
ไม่เคยล้ม แต่อาจหักได้ง่ายกว่าที่คิด แม่ยังเดินได้ ไม่เคยเจ็บขา ไม่เคยหกล้ม แต่กระดูกอาจบางจนพร้อมจะหัก ได้โดยไม่รู้ตัว กระดูกพรุนมันเงียบมาก ไม่มีสัญญาณเตือนอะไรเลย กว่าจะรู้ตัวก็จนวันหนึ่งล้มเบาๆ แล้วกระดูกสะโพกหัก นอนโรงพยาบาล พักฟื้นนาน และบางคนก็ไม่ฟื้นกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ที่สำคัญคือ พอผู้หญิงเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน กระดูกจะบางลงเร็วมาก เพราะฮอร์โมนที่เคยช่วยปกป้องกระดูกลดลง
วิธีสังเกตอาการ
- แม่เดินหลังค่อมขึ้น ดูเตี้ยลงนิดๆ
- เริ่มปวดหลังบ่อยโดยไม่รู้สาเหตุ
- หรือเวลาแม่หกล้ม มีอาการเจ็บนานกว่าปกติ หรือหกล้มแล้วกระดูกหักง่าย
วิธีป้องกัน
- พาแม่ไปตรวจวัดมวลกระดูก
- เสริมแคลเซียม วิตามินดี หรืออาหารที่ช่วยกระดูก
- พาแม่ไปเดินเล่นกลางแดดอ่อนๆ ทุกวันก็ช่วยได้เยอะมาก
3. เบาหวาน
หลายคนเข้าใจว่า เบาหวานต้องเกิดจากกินหวาน กินขนมเยอะๆ แต่ไม่ใช่เสมอไป เบาหวานชนิดที่ 2 ที่คนอายุมากเป็นกันเยอะ มันเกิดจากการที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน คืออินซูลินยังมีอยู่แต่ร่างกายไม่ตอบสนอง น้ำตาลในเลือดเลยสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยที่แม่ไม่รู้ตัวเลย บางคนรู้อีกทีก็ตอนตรวจเจอว่า HbA1c สูงเกิน 6.5% แล้ว หรือเริ่มมีอาการปัสสาวะบ่อย หิวน้ำ น้ำหนักลดแบบไม่ตั้งใจ
วิธีสังเกตอาการ
- แม่บ่นปัสสาวะบ่อย หิวน้ำมากกว่าปกติ
- เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดลง
- บางคนมีแผลที่หายช้า หรือคันผิวหนังบ่อยๆ
วิธีป้องกัน
- พาแม่ตรวจเลือดทุกปี ดูน้ำตาลตอนเช้า + HbA1c
- ปรับอาหารให้แม่ ลดแป้งขัดขาว ของหวาน เน้นโปรตีน ผักดีๆ
- ชวนแม่เดินเบาๆ หลังมื้ออาหาร แค่ 10–15 นาที ก็ช่วยลดน้ำตาลได้เยอะ
4. ความดันสูง
โรคนี้มาเงียบจริงจัง แม่ดูปกติทุกอย่าง ไม่มีอาการอะไรเลย แต่พอไปวัดความดันที่โรงพยาบาล กลับขึ้นไป 150–160 ความดันสูงเป็นโรคเงียบที่น่ากลัวที่สุดเพราะมันทำลายหลอดเลือดแบบเงียบๆ ทั้งหัวใจ สมอง ไต ให้ค่อยๆ แย่ลงโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย จนวันหนึ่งแม่เป็นอัมพาตหรือหัวใจวายเฉียบพลัน เราถึงได้รู้ว่าความดันสูงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เลย
วิธีสังเกตอาการ
- บางทีบ่นปวดหัวท้ายทอยตอนเช้า
- ตาพร่า
- จุดแน่นหน้าอกไม่มีสาเหตุ
- เหนื่อยง่าย
วิธีป้องกัน
- ซื้อเครื่องวัดความดันให้แม่วัดที่บ้าน อาทิตย์ละครั้งก็ยังดี
- ลดของเค็ม ของดอง ของแปรรูป
- ถ้าแม่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว อย่าลืมให้แม่กินยาต่อเนื่อง อย่าหยุดยาเองเด็ดขาด
5. อัลไซเมอร์
โรคนี้คนกลัวกันมาก แต่ก็มักเข้าใจผิดว่าการลืมชื่อ ลืมของ เป็นเรื่องธรรมดาของคนแก่ ความจริงอัลไซเมอร์กับอาการลืมตามอายุไม่เหมือนกันเลย อัลไซเมอร์จะลืมแบบแปลกๆ เช่น ลืมเส้นทางที่เคยไปประจำ ลืมทำอาหารที่เคยทำ ลืมคำง่ายๆ หรือพูดจาสับสนทั้งที่พูดเก่งมาก่อน และที่น่ากลัวคือ พอเริ่มแล้ว มันค่อยๆ แย่ลง บางคนจากที่เคยช่วยเหลือตัวเองได้ กลายเป็นจำลูกไม่ได้ในที่สุด
วิธีสังเกตอาการ
- แม่เริ่มลืมมากขึ้น จนคนรอบข้างสังเกตได้
- บางทีสับสนเรื่องเวลา วัน เดือน
- หงุดหงิดง่าย อารมณ์เปลี่ยนบ่อย
วิธีป้องกัน
- พาแม่ไปเช็กประเมินสมอง ถ้าสงสัยให้เริ่มตรวจเร็ว
- ให้แม่มีกิจกรรมกระตุ้นสมองทุกวัน เช่น เล่นเกม ทำสวน อ่านหนังสือ
- ทานอาหารต้านอักเสบ เช่น ปลาทะเล ผักผลไม้สด วอลนัท หรือวิตามินบางตัว เช่น B12, D, โอเมก้า-3 อาจช่วยชะลอการเสื่อมได้ แต่อาจต้องปรึกษาหมอก่อน
ที่มา : หมอเจด
Advertisement