ฮือกระทืบ! “ไอ้แอ๊ะ” ฆ่าปาดคอสาวโรงงาน เปิดนาที ตร.ซุ่มร้านชำก่อนบุกรวบ (คลิป)

17 ก.ย. 64

 

กรณีคนร้ายฆ่าปาดคอ น.ส.หยดน้ำ สิงห์ใจ อายุ 23 ปี สาวโรงงาน ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.หนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง แล้วชิงรถจักรยานยนต์หลบหนีไป กระทั่งพบรถจักรยานยนต์จอดทิ้งริมถนน ก่อนที่ตำรวจจะพบเบาะแสภาพจากกล้องวงจรปิดร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง พร้อมนำภาพคนร้ายประกาศตั้งรางวัลนำจับ จำนวน 50,000 บาท

 

518441

ล่าสุดวันที่ 17 ก.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายอุดร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งวางแผนไว้ 3 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 เป็นจุดฆ่าปาดคอ บริเวณหน้าห้องเช่าริมถนนบ้านค่าย จุดที่ 2 เป็นจุดขี่รถจักรยานยนต์ของน้องน้ำ เพื่อนำกระเป๋า บัตร และมือถือน้องน้ำไปทิ้ง ก่อนเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อยืดคอกลมสีดำ ห่างจากจุดฆ่าประมาณ 800 เมตร และจุดที่ 3 เป็นจุดที่ฆาตกรแปลงโฉมโกนหนวด โกนผม เปลี่ยนชุดขาวก่อนทิ้งรถจักรยานยนต์ และโยนแผ่นป้ายทะเบียนทิ้ง พร้อมกับบัตรเอทีเอ็มของน้องน้ำทิ้ง บริเวณสี่แยกมาบตาพุด จ.ชลบุรี จากนั้นขึ้นแท็กซี่หลบหนีไป

โดยการคุมตัวนายอุดร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น เริ่มขึ้นเวลา 10.00 น. ออกจากสถานีตำรวจ ซึ่งพบว่ามีครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาปักหลักรอ และระหว่างคุมตัวออกจากห้องขังไปขึ้นรถนั้น ครอบครัวได้ตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายด้วยว่า ”ไอ้เลว ไอ้เ_ย” แต่เรื่องด้วยจำนวนชาวบ้านที่มายืนรอติดตามมีจำนวนมากทำให้ตำรวจต้องปรับเปลี่ยนการทำแผนใหม่ ซึ่งตำรวจนำกำลังกว่า 70 นาย ตีวงล้อม 2 ชั้น เพื่อหวังจะป้องกันเหตุรุมประชาทัณฑ์ ซึ่งจุดนี้มีแค่ครอบครัวที่มาปักหลักรอและตะโกนด่าสาปแช่งอย่างต่อเนื่อง

556021

โดยระหว่างการชี้จุด 2 ดังกล่าว มีจุดย่อย ๆ อีก 4 จุด ได้แก่ ชี้จุดจอดรถจักรยานยนต์ของน้องหยดน้ำ ก่อนไปชี้จุดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดคอกลมสีดำ ภายในบ้านร้าง และจุดในห้องของบ้านร้างมีการทิ้งกระเป๋าที่มีบัตรประชาชน และจุดสุดท้ายเดินเข้าไปหลังบ้านเพื่อทิ้งโทรศัพท์มือถือของน้องหยดน้ำ ซึ่งในระหว่างที่ตำรวจกำลังควบคุมตัวนายอุดรทำแผนนั้น นายอุดร กล่าวขอโทษพร้อมกับบอกว่าทำไปเพราะเมาสุรา ซึ่งดื่มไป 2 ขวด ส่วนเรื่องยาเสพติดปฏิเสธว่าไม่ได้เสพ

cg1_2

จากนั้น ตำรวจคุมตัวมาชี้จุดฆ่าน้องน้ำ ซึ่งมีทั้งญาติและครอบครัว รวมถึงเพื่อน ๆ น้องหยดน้ำ และประชาชนเกือบ 500 คน มารอดูกันเต็มทั้ง 2 ฝั่งซ้ายขวา พร้อมตะโกนด่าสาปแช่งสารพัด จุดนี้ยู่หน้าร้านขายน้ำปั่น เลขที่ 1148/7 ปากซอยวัดหนองซิมสิว ต.หนองบัว ห่างจุดหลบหนีเปลี่ยนชุด ทิ้งบัตรประชาชนและมือถือน้องน้ำ 800 เมตร 

269671

จากนั้นชาวบ้านได้รุมประชาทัณฑ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องยกเลิกการทำแผนทันที และรีบนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถกลับไปอย่างทุลักทุเลนานกว่า 10 นาที จนรีบพากลับโรงพักก่อนยกเลิกทำแผนจุดที่ 3 ซึ่งจุดที่ 3 ที่ตำรวจจะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น เป็นบริเวณสี่แยกมาบตะพุด จ.ชลบุรี 

บรรยากาศในการทำแผนในจุดแรก เป็นพื้นที่ของโกดังร้าง ซึ่งห่างจากจุดที่มีการลงมือฆ่าประมาณ 800 เมตร โดยมีนายแทน สิงห์ใจ อายุ 45 ปี ลุงผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงผู้เสียชีวิต และนายพีระพงษ์ ก๋าจุมปู สามีผู้เสียชีวิต รวมถึงญาติ ๆ เดินทางมาดูการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ เนื่องจากกลัวว่าจะมีการรุมประชาทัณฑ์

275144

วินาทีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวผู้ต้องหามายังจุดแรก นายพีระพงษ์ สามีผู้เสียชีวิต ถึงกับต้องร้องไห้โฮ เนื่องจากยังคงเสียใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ในขณะเดียวกันแม่ของสามีผู้เสียชีวิต ก็เข้ามากอดและปลอบใจว่า "ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมันก็ได้รับโทษที่มันทำแล้ว" จึงทำได้เพียงแค่ยืนดูห่าง ๆ

475795

ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับนายแทน สิงห์ใจ อายุ 45 ปี ลุงผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ผู้ต้องหาไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย การที่มีท่าทีเหมือนเป็นบ้า มันเป็นแค่การแสดง อย่าไปเชื่อหรือสงสารเด้ดขาด ตนเชื่อว่าเขาไม่ได้ผิดปกติอย่างแน่นอน เขาเตรียมจะฆ่าน้องหยดน้ำอยู่แล้ว กับพ่อกับแม่ของเขาเองยังกล้าทำร้ายร่างกายเลย ตนขอให้ตำรวจลงโทษให้หนักที่สุด "เอามันไปประหารชีวิตเลยครับ"

438866

ขณะเดียวกันทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับนายณัฐวุฒิ เรืองรักษ์ ชาวบ้านที่รุมประชาทัณฑ์ กล่าวว่า ตนเป็นคนในพื้นที่ตั้งแต่เกิด และพอทราบข่าวก็ได้ติดตามเรื่องราวทั้งหมด กระทั่งสามารถจับตัวได้ ก็รู้สึกโกรธโมโหในความโหดร้ายของผู้ต้องหาว่า เขาสามารถลงมือฆ่าผู้หญิงได้อย่างไร และเป็นการฆ่าปาดคอซึ่งมันโหดร้ายมาก ๆ สีหน้าแววตาผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้รู้สึกผิดด้วย 

ทั้งนี้ ในพื้นที่ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนอยากถามว่าทำไมต้องมาทำร้ายคนในพื้นที่ และเขาสมควรได้รับโทษประหารชีวิต เท่าที่เห็นผู้ต้องหาก็ดูเป็นคนปกติทุกอย่าง และไม่มีท่าทีรู้สึกผิดแต่อย่างใด จึงทำให้ตนอดใจไม่ไหว ขอเข้าไปกระทืบผู้ต้องหาสักที "โดนทีเดียวมันน้อยไป"

623709

ในขณะเดียวกันนายณัฐพงษ์ ริรัญพูล ชาวบ้านที่รุมประชาทัณฑ์ บอกว่า ตนรู้สึกแค้นเจ็บปวดใจแทนญาติผู้เสียชีวิตที่ต้องมาสูญเสียคนที่รักไป เพราะคนที่โหดร้ายแบบนี้ กับครอบครัวผู้ต้องหาเองมันยังทำพ่อแม่ได้ คนแบบนี้มันเนรคุณ ซึ่งตนอยากให้มีโทษประหารกับเขาเท่านั้น

จากนั้นทีมข่าวย้อนกลับไปยังจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับกุมตัวนายอุดร เกณฑ์มา อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาได้ บริเวณร้านค้าขายของชำแห่งหนึ่ง ถนนศุขประยูร ต.กุฏโง้ง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ในวันที่ 16 ก.ย.64 ที่ผ่านมา

863241

ทีมข่าวมีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับนางวไลศรี ศรีโพธิ์คา เจ้าของร้านชำ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ (16 ก.ย.64) ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเข้ามาพูดคุยและสอบถามกับตน ก่อนเปิดรูปถ่ายนายอุดร ให้ดูว่าเคยเห็นผู้ชายคนนี้ตามหมายจับหรือไม่ ซึ่งตนก็ยังไม่เคยเห็น กระทั่งเวลาประมาณ 14.30 น. จู่ ๆ นายอุดร สวมเสื้อสีฟ้าลายสก็อต กางเกงขาสั้นสีกรม รองเท้าแตะหุ้มส้นสีขาว สวมหมวกแก็ปลายทหาร เข้ามาซื้อขนมปลาหวาน ราคา 5 บาท โดยถือเงินมา 25 บาท เป็นเหรียญ 10 บาท 2 เหรียญ และเหรียญ 5 บาท 1 เหรียญ ตนก็เลยบอกไปว่า ราคาขนมแค่ 5 บาท ทำไมไม่เอาเหรียญ 5 บาทให้ จากนั้นนายอุดร ก็ซื้อผ้าเย็นราคา 10 บาทมาเช็ดหน้าตา

ขณะนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบ ได้แสดงตัวพร้อมสอบถามชื่อและให้นายอุดร ถอดหมวกออก ซึ่งเมื่อถอดออกก็ปรากฏชัดว่าคือคนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังตามหา จึงแสดงการเข้าจับกุม ตนรู้สึกตกใจที่คนร้ายเดินทางมาบริเวณที่นี้ ซึ่งตนก็ไม่ได้ติดตามข่าว ทราบเพียงว่าผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายพ่อและแม่ของตัวเอง ซึ่งตนก็รู้สึกสงสารพ่อกับแม่ของเขา

117486

ทีมข่าวอมรินทร์ ได้รับภาพกล้องวงจรปิด ความยาวคลิป 9 วินาที บันทึกภาพนายอุดร เดินผ่านร้านชำในวันที่ 14 ก.ย.64 เวลาประมาณ 15.08 น. หลังจากที่หลบหนีออกจากพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางมายัง อ.พนัสนิคม

971314

นายสอง (นามสมมติ) น้องชายผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า คนแบบนี้ตายไปได้ก็ดี ปล่อยให้อยู่รกโลกทำไม ซึ่งตนไม่เชื่อว่าเขาบ้า ไม่เช่นคงไม่อำพร่างศพได้ฉลาด และหลบหนีไปได้ไกลขนาดนี้

601785

"กฎหมายไทยมันอ่อน จริง ๆวันนี้อยากมาดูหน้า ใจคิดอยากจะฆ่า แต่ทำได้แค่ต่อยหน้าไป 2 ครั้ง และใจก็อยากให้ถูกประหารชีวิตตายตามเหมือนพี่สาวเลย" นายสอง กล่าว 

937897

ต่อมาน.ส.นวลอนงค์ (นามสมมติ) ป้าผู้เสียชีวิต ได้จุดธูปขอขมาเจ้าที่เจ้าทางและพ่อปู่ แม่ย่า เพื่อขออันเชิญดวงวิญญาณน้องหยดน้ำกลับบ้าน ก่อนจุดธูป 1 ดอกเพื่อเชิญดวงวิญญาณน้องหยดน้ำกลับบ้าน ซึ่งป้าร้องไห้ก็ได้ร้องไห้สะอื้น

860024

ทีมข่าวได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยกับน.ส.ชญาภา กระคุมชาติ เจ้าของบ้านใกล้จุดพบศพ กล่าวว่า ตนเคยเห็นนายอุดร อยู่ในพื้นที่ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ ลักษณะเหมือนคนเร่ร่อน เดินมาขอกินไส้กรอกที่ร้านของตน 1 ไม้ ซึ่งตนก็เห็นว่าเขาน่าจะหิวจริง ๆ เลยบอกไปว่า "อยากกินกี่ไม้ให้หยิบไปเลย" ซึ่งนายอุดร ก็หยิบไปแค่ 1 ไม้

จากนั้นครั้งที่ 2 ก็มาที่ร้านอีกครั้ง โดยขอกิน 2 ไม้ ซึ่งตนก็ให้หยิบตามใจได้เลย เขาก็หยิบไปแค่ 2 ไม้ตามที่ขอ ตนก็ยังคิดในใจว่าเขาดูเป็นคนซื่อสัตย์ จากนั้นตนก็ได้แต่เอะใจ แต่ไม่กล้าเปิดเผยให้ใครฟัง เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นการปรักปรำผู้อื่น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยแพร่ภาพคนร้าย ทำให้ตนตนมั่นใจว่าคนในภาพคนที่มาขอไส้กรอกกินเป็นคน ๆ เดียวกับคนร้าย ซึ่งตนก็รู้สึกตกใจไม่คิดว่าจะกลายเป็นว่าตนช่วยเหลือคนก่อเหตุ

398338855204615131

 

สำหรับการติดตามตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ ย้อนกลับไปในวันที่ 16 ก.ย.64 เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ได้ทราบเบาะแสคนร้ายรายนี้แล้ว โดยพบเบาะแสล่าสุดในพื้นที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวจนสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ในที่สุด ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ นายอุดร เกณฑ์มา หรือ แอ๊ะ อายุ 50 ปี

792614344305

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กองกำกับการสืบสวนจังหวัดระยอง และเจ้าตำรวจจากกองปราบปราม สามารถเข้าจับกุมนายอุดร เกณฑ์มา อายุ 50 ปี บริเวณร้านค้าขายของชำแห่งหนึ่ง ถนนศุขประยูร ต.กุฏโง้ง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามนายอุดรว่า ไปทำอะไรที่จ.ระยอง

457872414163

โดยนายอุดร ให้การสับสนอ้างว่า ผู้เสียชีวิตเป็นแฟนของตน แต่ในวันเกิดเหตุเกิดอาการหลอน เข้าใจว่าน้องหยดน้ำเป็นผู้ชาย คิดว่าจะเข้ามาทำร้าย จึงเอามีดแทงไปครั้งเดียว แล้วก็วิ่งหนี ส่วนมีดที่ก่อเหตุโยนทิ้งขึ้นบนหลังคา จากนั้นมีขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตหลบหนี และะนำไปจอดทิ้งไว้ที่หลังป้อมตำรวจ แยกมาบตาพุด จ.ชลบุรี จากนั้นเช่ารถแท็กซี่ 1,500 บาท เดินทางมาในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา แล้วก็นั่งรถโดยสารมายังพนัสนิคมอีกที ตอนนี้รู้สึกหิวข้าวและน้ำ

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส