จากกรณีวันที่ 27 มิ.ย. 64 ร.ต.อ.สมเกียรติ ลิไธสง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านว่าพบศพถูกฝังดินไว้หลังบ้าน คาดว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม จึงประสานหน่วยกู้ภัยสว่างจรรยาธรรมจุด อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าร่วมตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว หมู่ 4 ต.แดงใหญ่ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ บริเวณหลังบ้านพบดินที่เพิ่งขุดแล้วกลบ มีกิ่งมะพร้าววางทับไว้ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง อยู่ใต้ต้นมะพร้าวหลังห้องน้ำ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงทำการขุดตรวจสอบ พบศพนายเป ชาลีผาม อายุ 72 ปี เจ้าของบ้าน ถูกห่อด้วยผ้าปูที่นอน ลักษณะนอนคว่ำหน้า กางเกงขาสั้น ไม่สวมเสื้อ ด้านหลังศีรษะมีแผลถูกของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ 5 แผล คาดว่าเสียชีวิตมาประมาณ 3 วัน นอกจากนี้ พบร่องรอยและคราบเลือดการลากถูกศพจากภายในบ้านออกมาหลังบ้าน ส่วนผู้ก่อเหตุคาดว่าเป็นลูกชายของผู้ตาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รวบจนมุม! ไอ้ตูบฆ่าพ่อฝังดินอ้างเก็บกด พยานแฉที่แท้พกบัตรคนจนจำนำเอง
- ฉุนพ่อจำนำบัตรคนจนแลกเงิน คว้ามีดฟันดับก่อนฝังดิน ชาวบ้านแฉนาทีโบกรถหนี เชื่อกบดานปทุม
ล่าสุด วันที่ 29 มิ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยัง สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ต.หนองแวง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งวันนี้มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายวิเชียร ชาลีผาม หรือ ตูบ ผู้ต้องหา ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาเดินทางจาก สน.ทุ่งสองห้องมาถึงที่ สภ. บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา อ้างว่าเก็บกด และยอมรับว่าบัตรคนจนพ่อไม่ได้เอาไป โดยนายตูบมีอาการค่อนข้างเครียด นั่งก้มหน้าอยู่ในห้องควบคุมผู้ต้องหา ไม่พูดจา ไม่ยอมกินข้าวตั้งแต่เช้า
ขณะเดียวกันวันนี้ ตำรวจจะต้องนำตัว นายตูบไปตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 ก่อนที่ รพ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ต.หนองแวง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ หากนายตูบมีผลตรวจเป็นลบ ตำรวจจะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
จากนั้น เวลา 11.15 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวนายตูบออกมาจากข้องขัง ใส่เสื้อเกราะ หมวกกันน็อกเต็มใบ ก่อนจะนำตัวนายตูบมาขึ้นรถคุมขัง เดินทางไปทำแผนฯ ยังจุดเกิดเหตุที่บ้านโศกนาค หมู่4 ต.แดงใหญ่ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ขณะเดียวกันที่หน้าบ้านจุดเกิดเหตุมีชาวบ้านมารอดูการทำแผนฯ เป็นจำนวนมาก นายตูบ รับสารภาพว่าลงมือฆ่านายเป ผู้ตาย เวลาประมาณตี 1 ของเช้าของวันที่ 25 มิ.ย.64
โดยจุดที่ 1 ตำรวจได้นำตัวนายตูบเข้าไปในบ้านไปชี้จุดที่หยิบมีดพร้าที่บริเวณหน้าห้องน้ำหลังบ้าน ส่วนจุดที่ 2 เป็นจุดที่นายตูบถือมีดพร้า มาฟันที่ร่างของนายเป ผู้ตาย ในขณะนั้นนายเปนอนอยู่ที่เตียงนอนสภาพนอนหงาย นายตูบฟันไปที่หน้าจองนายเปก่อน 1 ครั้ง หลังจากนั้นผู้ตายก็ลุกขึ้นมานั่งหันหน้าให้นายตูบ แล้วถามว่า "นั่นใคร" แต่นายตูบก็ไม่ได้ตอบกลับ แล้วก็ฟันซ้ำเข้าไปที่หัวของผู้ตายนับครั้งไม่ถ้วน
จากนั้น ผู้ตายได้ล้มลงไปนอนกับพื้นที่ข้างเตียงจนแน่นิ่งไป จนกระทั่งนายตูบนำมีดพร้าเข้าไปล้างในห้องน้ำก่อน ระหว่างที่นายตูบกำลังล้างมีดอยู่ ได้ยินเสียงนายเป ผู้ตายร้องครวญครางขอความช่วยเหลือ นายตูบจึงย้อนกลับไปฟันที่ร่างของผู้ตาย อีก 4 ครั้งจนแน่ใจว่าผู้ตายสิ้นลมหายใจ แล้วก็ย้อนกลับเข้าไปที่ห้องน้ำ ล้างมีดพร้ามีใช้ก่อเหตุต่อ แล้วนำมีดพร้าไปไว้ที่เดิม
ระหว่างการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายตูบก็พูดจาวกไปวนมา หันมาพูดกับสื่อข่าวว่า "ตัวเองต้องรับผิดชอบคนเดียวกับคนทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจที่ต้องดูแล" หลังจากนั้น นายตูบก็เดินกลับไปที่ร่างของนายเป นำผ้าห่มมาซับเลือดที่ร่างของผู้ตายคลุมร่างไว้ แล้วก็ไปรื้อที่นอนหาบัตรของนายเป จนเจอ
จนกระทั่งช่วง 10.00 น. ของวันที่ 25 มิ.ย.64 จ้างรถของนายประยงค์ เอาบัตรคนจนของตัวเองและของผู้ตายไปจำนำกับคนชื่อเจ๊จู ที่ตลาดพุทไธสง ได้เงินมาประมาณ 4,000 กว่าบาท จากนั้นช่วงกลางดึกนายตูบได้ทำการขุดหลุมที่บริเวณหลังบ้านเพื่อทำการอำพรางศพ จนกระทั่งช่วงประมาณ ตี 2 ได้ลากร่างของนายเปไปที่หลุม สภาพของนายเปนอนคว่ำหน้าอยู่ในหลุม หลังจากนั้นก็นำดินกลบฝังร่าง นำก้านมะพร้าวมาปิดทับไว้บนหลุมฝังศพ
โดยนายตูบยังพูดจาวกไปวนมา บอกว่า คับแค้นใจที่พ่อพูดว่า "พ่อจะต้องได้ดีกว่าลูก ลูกจะมาได้ดีกว่าพ่อได้ยังไง" ตนจำฝังใจมาโดยตลอด เมื่อในอดีตเคยปรึกษากับพ่อว่าพรรคประชาธิปัตย์สนใจผม จะเอาผมไปเป็นที่ปรึกษา ส.ส. แต่พ่อกลับบอกว่า "มึงรอวันตายเถอะ" ซึ่งที่ตนถามพ่อเพราะว่าตนอยากให้พ่อช่วย เพราะตนตัวคนเดียว ไม่รู้จะพึ่งหรือไปปรึกษาใคร ตนก็เลยคับแค้นใจมาตั้งแต่บัดนั้นว่าพ่อไม่ช่วย กลัวตนจะได้ดีเป็นใหญ่เป็นโต ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของตน ตนอยากเป็น ส.ส. เพราะเป็นความรับผิดชอบของคนจีน
ซึ่งตนก็รู้ตัวดีว่าเขาเป็นพ่อ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขา เรื่องบัตรที่เอาไปจำนำก็จะเอาไปเป็นค่ารถไปกรุงเทพฯ เพื่อไปหางานทำ ที่ตัดสินใจฆ่าพ่อ ก็เพราะว่าทำให้มันจบ ๆ ไป พ่อจะได้ไม่ต้องมาอยู่และมายุ่งกับตนอีก พ่อจะได้ไม่ต้องมาคอยขัดขวางตนอีก "อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่กับพ่อที่มาคอยขัดขวางลูกแบบนี้ เห็นไหมล่ะพ่อทุกคนเขาก็อยากให้ลูกได้ดีกันทั้งนั้น อยากจะรู้ว่าพ่อมานั่งคิดแบบนี้ได้ยังไงว่าลูกจะได้ดีกว่า" ในเมื่อพ่อก็ตายไปแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด งั้นตนขอโทษก็แล้วกัน ตนคับแค้นใจจริง ๆ ไม่รู้จะพึ่งใคร อยากให้คนในหมู่บ้านช่วย และก็อยากให้เข้าใจกับสิ่งที่ตนทำลงไป ส่วนเรื่องบัตรที่เอาไปจำนำยืนยันว่าเอาไปจำนำจริง โดยรู้จากชาวบ้านว่าเอาไปจำนำที่ไหนได้
จากนั้น ตำรวจได้นำตัวนายตูบขึ้นรถเดินทางต่อไปที่จุดที่ซื้อตั๋วขึ้นรถทัวร์หลบหนี ที่ในตัวอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ ลงจากรถตำรวจก็ถามนายตูบว่าใช่ที่นี่หรือไม่ ก่อนขึ้นรถกลับโรงพัก นายตูบก็พูดอีกว่า มีคนเอาตนไปประจานที่สื่อช่องโทรทัศน์และเว็บไซต์ ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะถามนายตูบว่า "เราอยากเป็นนายกฯหรือเปล่า" นายตูบก็หันไปชี้ที่ผู้สื่อข่าวบอกว่า "อย่าเพิ่งมายุ่ง อยากไม่อยากก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาถาม" แล้วก็พูดกลับมาเรื่องยาเส้นอีก ขอฝากไปถึงเทวดาที่แต่งเพลงให้อีกด้วย ส่วนคน จ.บุรีรัมย์ ก็อย่ามาเครียดกับเรื่องตนแล้วกัน ส่วนเรื่องหน้าของผมที่พัง ก็เพราะว่าผมสูบยาเส้นมากไปหน่อย
จากการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ตรงกับกล้องวงจรปิดในจุดสำคัญที่เป็นเวลาที่นายตูบเดินทางหลบหนีจากที่บ้านมารอขึ้นรถทัวร์ไปกรุงเทพฯ เห็นว่านายประยงค์ เพื่อนบ้าน ขี่รถพ่วงข้างแล้วก็มีนายตูบนั่งมาด้วย เวลาที่ผ่านกล้อง 05.57 น. ของวันที่ 26 มิ.ย.64 สอดคล้องกับคำให้การของนายประยงค์และคนขายตั๋วรถทัวร์
ขณะเดียวกันการให้การของนายตูบที่บอกว่านำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนที่มาจำนำกับเจ๊จู ในตลาดสดเทศบาลตำบลพุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังตลาดขายของสด จากการสอบถามคนในตลาดก็จะรู้จักเจ๊จูกันเป็นอย่างดี
ทีมข่าวสอบถามแม่ค้าในตลาดว่าเขารับจำนำบัตรจริงหรือไม่ ป้าแว่น บอกว่า "เขาก็รับจำนำนั้นแหละ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะรับจำนำแบบไหน ส่วนตัวป้าไม่เคยไปจำนำกับเขา วันนี้ที่เจ๊จูเห็นข่าวก็รีบเก็บร้านออกไปจากตลาดตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว"
หลังจากนั้น ทีมข่าวไปที่บ้านของเจ๊จู สอบถามว่าเจ๊จูได้รับจำนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจริงหรือไม่ เจ๊จูตอบว่าใช่ มารู้ก็ตอนที่เห็นข่าว วันนี้ก็เลยตกใจกลับมาที่บ้านก่อน ส่วนวันที่นายตูบมาที่ร้าน นายตูบมันมาขอเงิน แล้วก็ยืนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีชื่อของนายเป มาขอเงิน ตนก็กลัวเพราะนายตูบมายืนขวางที่หน้าร้านไม่ยอมไปไหน จนต้องให้เงินกับนายตูบไป 2,500 บาท แล้วก็ไม่ได้คิดจะรับจำนำอะไรทั้งนั้น ที่ให้ไปเพราะความกลัวนายตูบจะทำร้าย ทั้งนี้ เจ๊จูบอบว่าไม่เคยรับจำนำบัตร แต่จะรับรูดซื้อของเท่านั้น
น.ส.ชลธิชา พี่สาวของนายตูบ บอกว่า พฤติกรรมของน้องชาย ตนรู้มาตลอดอยู่แล้วว่าน้องชายมีอาการทางประสาทชอบทำร้ายพ่อและมักจะชอบ คิดไปเองต่าง ๆ นานา ก่อนหน้านี้ยังเคยบอกกับตนและพ่อว่าจะมีคนโอนเงินมาให้หลาย 10 ล้านบาท พ่อยังเคยบอกว่าอย่าไปพูดกับใคร เดี๋ยวเขาจะหาว่าเพ้อเจ้อ คิดไปเอง ตนได้ถามกับน้องชายถึงสาเหตุที่ฆ่าพ่อแล้ว เขาก็ตอบว่าเก็บกดมานานแล้ว พ่อชอบบ่นและด่าว่า เรื่องคดีก็คงจะปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนตัวอภัยและอโหสิกรรมให้น้องชาย เพราะว่าสงสาร อย่างไรก็เป็นพี่น้องกันอยู่ดี หลังจากนี้ก็คงจะได้รับกรรมที่เขาได้ทำไว้
