คนพิลึก! ขายบ้านแล้วอยากได้คืน ส่งแก๊งมากระทืบเจ้าของ สั่งเสธ.โทรขู่สื่อ (คลิป)

28 มิ.ย. 64

กรณีเพจเฟซบุ๊ก “เจ๊ม้อย V Plus” ลงคลิปวงจรปิด และข้อความระบุว่า "#อยู่ดีดีโดนบุกทำร้าย ทั้งที่ไม่เคยเห็นหน้าหรือรู้จักกันมาก่อน แอบอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้านที่ติดกับบ้านน้อง แต่บ้านหลังนั้นน้องซื้อมาตั้งแต่ปี 62 ก็เลยขอดูเอกสารสิทธิ์ จนมีปากเสียงกันและกลุ่มที่มาอ้างก็รุมทำร้าย แล้วขับรถหนี ฝากตามตัวด้วยค่ะ ต้องเอาให้หนัก บุกรุกยามวิกาล ทำร้ายร่างกาย ต.มะขามเตี้ย จ.สุราษฎร์ธานี เตือนภัยบุคคลอันตรายครับ ตอนนี้ได้แจ้งความกับทาง สภอ. เรียบร้อยแล้ว รอหมายจับได้เลย"

595702

วันที่ 28 มิ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังหมู่บ้านจุดเกิดเหตุ พบว่าเป็นบ้านเดียวชั้นเดียว มีประมาณ 45 หลังคาเรือน บ้านจุดเกิดเหตุเป็นบ้านที่ทำเป็นอู่ซ่อมรถขนาดเล็ก และบ้านที่อยู่ติดกันเป็นบ้านที่นายวรวิทย์ เศรษฐเดช หรือ เบิร์ด ผู้เสียหายซื้อเอาไว้เมื่อปี 2562 ด้วยราคา 2.3 ล้านบาท จากนางสาวอี้ อดีตเจ้าของบ้าน

482792801640

บ้านหลังดังกล่าวมีรั้วไม้ด้านหน้าเสียหาย และกระจกหน้าต่างด้านข้างก็แตกเสียหายเช่นเดียวกัน บ้านหลังดังกล่าวหลังจากที่นายเบิร์ด มีการซื้อต่อจากนางสาวอี้ก็ยังไม่ได้มีการต่อเติมหรือซ่อมแซม หลังจากที่มีการซื้อในปี 2562 จนกระทั่งเข้าสู่ปี 2563 มีการผ่อนจ่ายกับธนาคาร ผ่านนางสาวแนน (นามสมมติ) นายหน้า ซึ่งมีการผ่อนจ่ายเดือนละ 10,000 บาท มีการจ่ายไปแล้วประมาณ 12 งวด รวมเป็นเงิน 120,000 บาท

633656

และช่วงปี 2563 นางสาวอี้ได้ติดต่อมาหานายบิร์ด เพื่อขอบ้านคืน เนื่องจากอ้างว่าไม่มีบ้านอยู่อาศัย นายเบิร์ดจึงได้ตัดสินใจคืนบ้าน แต่มีเงื่อนไขว่าทางด้านของนางสาวอี้ อดีตเจ้าของบ้าน จะต้องมีการคืนเงินที่มีการผ่อนจ่ายจำนวน 12 งวดคืน แต่จนถึงปัจจุบันในปี 2564 นางสาวอี้ก็ยังไม่มีการคืนเงิน พร้อมทั้งได้มีการส่งน้องชายมาทวงบ้านคืน และมีการทำร้ายร่างกายนายเบิร์ดตามที่ปรากฏ

773628

นายเบิร์ด เปิดเผยว่า ตอนที่ตนเองตัดสินใจซื้อบ้านหลังดังกล่าว เป็นเพราะว่าอดีตเจ้าของบ้านไม่สามารถผ่อนจ่ายกับทางธนาคารต่อได้ ตนเองเห็นว่ามีการประกาศขายผ่านนายหน้า จึงได้มีการซื้อเอาไว้เพราะบ้านอยู่ติดกัน อย่างน้อยก็เป็นการขยายพื้นที่อยู่อาศัยให้กว้างขึ้น มีบ้านติดกัน 2 หลัง จากนั้นก็ได้มีการทำสัญญาซื้อขายซึ่งถูกต้อง ตนเองก็ได้มีการผ่อนจ่ายจำนวน 12 งวด งวดละ 10,000 บาท แล้วยังมีค่าดำเนินการ 12,000บาท และมีค่าเงินดาวน์ก่อนเข้าอยู่อาศัยอีกจำนวน 23,000 บาท รวมเบ็ดเสร็จตนเองมีการจ่ายเงินสำหรับซื้อบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านมือ 2 รวมทั้งสิ้น 155,000 บาท

366027

จนกระทั่งช่วงปี 2563 อดีตเจ้าของบ้านได้มาขอบ้านคืน อ้างว่าไม่มีที่อยู่อาศัย ตนเองด้วยความสงสารก็ยอมที่จะคืนบ้านให้ แต่ได้มีการตกลงกันอย่างชัดเจนว่าจะต้องมีการจ่ายเงินที่ผ่อนจ่ายไปก่อนหน้านี้คืนให้กับตนเอง ด้านของอดีตเจ้าของบ้านก็ไม่มีเงินมาจ่าย ทั้งที่ตัวเองก็ให้กุญแจและให้สิทธิ์การครอบครอง

จนกระทั่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 64 เวลา 19.15 น. ตนเองอาศัยอยู่ที่บ้าน เป็นบ้านของตัวเองที่ซื้อเอาไว้อยู่แล้ว ไม่ใช่บ้านหลังใหม่ที่เพิ่งซื้อ โดยมีผู้ชาย 2 คน ทำทีเข้ามาสอบถาม ทีแรกตนเองก็เข้าใจว่าเป็นลูกค้าที่มาซ่อมรถที่บ้าน ตนเองก็ยืนพูดคุยกันซักระยะ กลุ่มผู้ชายที่เข้ามาก็ได้สอบถามเกี่ยวกับบ้านที่ติดกัน ทำนองคล้ายกับว่ามาทวงบ้านคืน จากนั้นตนเองก็ถูกชาย 2 คน ชักชวนออกไปบริเวณถนนนอกบ้าน แล้วมีการทำร้ายร่างกายตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป ตนเองถูกเตะบริเวณหน้าอกเป็นรอยช้ำเขียว ริมฝีปากซ้ายแตก และฟันโยก หลังจากที่ถูกทำร้ายร่างกายก็ได้แจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ที่โรงพักเมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมได้มีการตรวจร่างกายเอาไว้แล้ว

767287

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาชาย 2 คน ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และบุกรุกเคหสถานยามวิกาล แล้วตนเองเพิ่งจะมาทราบหลังเกิดเหตุว่า หนึ่งในผู้ชายที่เข้ามาทำร้ายร่างกายตนเอง โดยเฉพาะคนที่เตะ เป็นน้องชายของอดีตเจ้าของบ้าน ซึ่งมีลักษณะเข้ามาทวงบ้านคืนให้กับพี่สาว แต่หลังจากก่อเหตุแล้วก็ได้รีบขับรถหลบหนีโดยทันที

822058

อย่างไรก็ตาม ตนฝากเตือนภัยสังคมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้ว่าตนเองจะมีการซื้อบ้านและทำสัญญาถูกต้องตามกฎหมาย แต่สุดท้ายเมื่อมีคนมาขอบ้านคืน ทั้งที่ตนเองก็เห็นใจมีการคืนบ้านให้แต่มีเงื่อนไขให้มีการคืน สุดท้ายยังต้องมาเจ็บตัวฟรี และไม่รู้ว่าจะได้เงินคืนหรือไม่ ดังนั้นก็อยากจะให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับใครที่จะซื้อบ้านมือสอง รวมถึงตัวเองก็เป็นเพียงแค่ช่างช่อมรถที่หาเช้ากินค่ำ ต้องกินต้องจ่าย และเงินจำนวนดังกล่าวก็ต้องหามาเพื่อจะผ่อนบ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรคืนกลับมา จึงอยากจะให้อดีตเจ้าของบ้านออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

542897

ทีมข่าวพยายามติดต่อไปยังนางสาวอี้ อดีตเจ้าของบ้าน และนายเอ็ม น้องชายของนางสาวอี้ ทั้งคู่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ไม่ขอชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากนั้น นายเอ็มและนางสาวอี้ได้นำเบอร์โทรศัพท์ทีมข่าวไปให้กับญาติ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นคนมีสีในพื้นที่ มีการโทรกลับมาเพื่อบอกกับทีมข่าวทำนองว่า "ชื่อเสธเอ้ เป็นลุงของชายที่ไปกระทืบคน เขาเป็นหลานของผม อย่าทำข่าวนี้ ขอให้จบแล้วไปทำข่าวอื่น คุณคงรู้นะว่าผมเป็นใคร" ก่อนที่จะวางสายไป

662503

นางสาวแนน (นามสมมติ) นายหน้าที่เป็นตัวกลางในการติดต่อระหว่างนายเบิร์ดและนางสาวอี้ เปิดเผยว่า ตนเองในฐานะคนกลาง ยืนยันว่านายเบิร์ดในฐานะลูกค้า ได้มีการติดต่อซื้อขายบ้านหลังดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีเอกสารการซื้อขายระบุชัดเจน สามารถดำเนินการฟ้องร้องและใช้ในการต่อสู้ในชั้นศาลได้ การซื้อขายบ้านหลังดังกล่าวราคาขายอยู่ที่ 2,380,000 บาท โดยระบุสัญญานายเบิร์ดจะต้องชำระต่อเนื่อง 3 ปี ไม่ผิดสัญญา หลังจากนั้นจึงจะมีการโอนบ้าน เงื่อนไขการผ่อนชำระบ้านหลังดังกล่าว นายเบิร์ดจะต้องมีการโอนเงินทุกเดือนให้กับตนเอง ตนเองก็จะนำเงินดังกล่าวไปจ่ายให้กับธนาคารที่ปล่อยกู้ของบ้านหลังดังกล่าวโดยตรง ซึ่งไม่ได้ผ่านบัญชีของอดีตเจ้าของบ้าน ช่วงแรกที่มีการซื้อขายตนเองก็ได้เก็บเงินดาวน์มาจำนวน 23,000 บาท ค่าดำเนินการอีก 12,000 บาท ยืนยันว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นสิทธิ์การครอบครองของนายเบิร์ดซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส