จากกรณีรถเก๋งสปอร์ต บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น Z4 ทะเบียน 3กก7558 กรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง คนขับ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และน.ส.เมย์ อายุ 18 ปี ที่นั่งมาด้วย เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ทะเบียน 1ขฐ9316 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งมาทางตรงมุ่งหน้าเข้าตัว จ.เพชรบูรณ์ ทำให้คนขับและคนที่นั่งข้างคนขับมาที่อยู่ในรถเก๋ง สวิฟต์ เสียชีวิตทันที 2 ราย คือ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี คนขับ และน.ส.วรรณกานต์ วรรณกายนต์ อายุ 29 ปี และคนขับบีเอ็มดับเบิ้ลยู เสียชีวิตด้วยนั้น
วันที่ 16 มิ.ย. 64 เมื่อเวลา 12.55 น. ทางญาติได้ทำการเคลื่อนศพของเสี่ยสุรภักดิ์ไปที่วัดนาสวรรค์ บ้านคำแคน ต.นาสวรรค์ อ.เมือง จ.บึงกาฬ โดยมีการนำศพขึ้นรถและมีพระสงฆ์จูงหน้าศพจำนวน 3 รูป มีพี่สาวและนายธิติพงษ์ ศรีแสน เพื่อนของเสี่ยสุรภักดิ์เป็นคนถือรูปนำหน้าศพ ระหว่างทางมีการจุดประทัดเพื่อส่งเสียงนำทางหรือขอทางนำวิญญาณไปสู่สวรรค์ นอกจากนี้ ยังมีผู้เฒ่าผู้แก่โปรยข้าวตอกเพื่อนำทางมาวัด เป็นประเพณีของคนภาคอีสาน
ขณะเดียวกันศพของนายสุรภักดิ์ถูกเคลื่อนมาถึงประตูทางเข้าวัด เวลา 13.10 น. ระหว่างทางเพื่อนของเสี่ยสุรภักดิ์ ได้ชูสามนิ้วเพื่อส่งวิญญาณตามอุดมการณ์ของเสี่ยสุรภักดิ์ ส่วนพี่สาวของเสี่ยสุรภักดิ์เดินถือรูปน้องชายมาด้วยความโศกเศร้า ขณะที่ศพเคลื่อนมาถึง เมรุของวัดนาสวรรค์ ทางญาติและผู้ที่มาร่วมงานได้มีการเวียนศพของเสี่ยสุรภักดิ์รอบเมรุ 3 รอบ
หลังจากนั้น ได้มีการนำร่างของเสี่ยสุรภักดิ์ขึ้นสู่เมรุ โดยจะมีการนำโลงศพมากระแทกที่บันใดก่อน 3 ครั้งก่อนที่จะนำศพของเสี่ยสุรภักดิ์ขึ้นเมรุ เป็นความเชื่อของผู้ที่เสียชีวิตผิดธรรมชาติหรือตายโหง
จากนั้นได้มีการถ่ายภาพหน้าศพของเสี่ยสุรภักดิ์เป็นครั้งสุดท้าย โดยลำดับแรกเป็นการถ่ายภาพของทางครอบครัว ส่วนลำดับที่ 2 เป็นขณะเพื่อนมัธยมบึงกาฬรุ่นที่ 7 เพื่อนของเสี่ยสุรภักดิ์ ลำดับที่ 3 จะเป็นเพื่อนของสุรภักดิ์ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ
ก่อนจะณาปนกิจศพของเสี่ยสุรภักดิ์ นายสุชาติ นาคบางไทร ผู้ที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกันและเคยถูกดำเนินคดี ม.112 มากับเสี่ยสุรภักดิ์ มีการพูดถึงประวัติของเสี่ยสุรภักดิ์ และการต่อสู้คดี ม.112 โดยกล่าวต่อหน้าผู้ที่มาร่วมพิธีว่าเสี่ยสุรภักดิ์เป็นคนต้นแบบของคนจังหวัดบึงกาฬ หากตนเองอยู่จังหวัดบึงกาฬจะตั้งอนุสาวรีย์สุรภักดิ์ ภูไชยแสง
เพื่อเป็นความทรงจำของคนรุ่นหลังว่าเสี่ยสุรภักดิ์จากเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง เข้าสู่วงการโปรแกรมเมอร์ระดับประเทศ และยังเป็นนักต่อสู้คดี ม.112 ที่พ้นโทษด้วยความบริสุทธิ์ ทั้งยังเคยติดคุกมาด้วยกัน หลังจากที่สู้คดีสิ้นสุดเป็นผู้บริสุทธิ์ ตนและเสี่ยสุรภักดิ์ยังไม่มีหน่วยงานไหนมารับผิดชอบ
หลังจากนั้น มีการวางดอกไม้จันทน์ ในเวลา 15.11 น. บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ระหว่างที่ศพของเสี่ยสุรภักดิ์ ถูกทำการณาปนกิจศพอยู่นั้น ทางเพื่อนที่มาจากกรุงเทพฯได้ชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว เป็นการส่งวิญญาณของเสี่ยสุรภักดิ์ที่บริเวณข้างเมรุ
นายภูริทัต ภูร์ชัยแสง พี่ชายคนโตของเสี่ยสุรภักดิ์ เปิดเผยว่า ยอมรับว่ายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับครอบครัวของผู้ตายทั้ง 2 ศพ หลังจากที่ส่งพวงหรีดไป มีการแสดงความเสียใจผ่านข้อความไลน์เท่านั้น จริง ๆ แล้วทางครอบครัวไม่ได้มีเบอร์โทรหรือไลน์ของฝั่งครอบครัวผู้ตาย แต่ทางหลานสาวได้ติดต่อไปทางร้านที่จัดดอกไม้ถึงได้เบอร์โทรแล้วก็ไลน์มา ส่วนตัวได้โทรคุยกับทางแม่ของน้องกรกฏแล้ว เขาก็ยังติดใจเรื่องที่เขาโวยวายและให้ข่าวไปว่าทางครอบครัวตนไร้จิตใต้สำนึก ตนก็เข้าใจความรู้สึก เพราะวันที่ไปรับศพน้องชายไม่ได้มีโอกาสคุยกันจริง ๆ จนกระทั่งลูกสาวไปหาเบอร์ติดต่อมาให้ ถึงได้มีโอกาสโทรไปคุยในตอนเช้า ขณะที่โทรไปคุยเขาก็ร้องไห้บอกว่าไม่มีใครติดต่อมาเลยเหมือนกับโดนทอดทิ้ง ตนก็อธิบายไปว่าเรื่องรายละเอียดต้องรอทางฝั่งตน คุยกับทางครอบครัวก่อน
ส่วนประเด็นที่ว่าวันที่ไปรับศพ ตนไม่มีการขอโทษหรือแสดงความเสียใจ ให้เขาย้อนไปดูในภาพข่าวที่ออกไปว่าตนพยายามถามหาแม่ของน้องกรกฏแล้ว ก็มีแต่คนบอกว่าไม่ได้มา ตนก็เลยไปคุยกับป้าของน้องกรกฏเข้าใจกันแล้วในวันนั้น แต่ที่ติดใจว่าทำไมถึงไปพูดย้อนแย้งว่าไม่เคยมีการพูดคุยกัน ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะตามหาหลักฐานแล้วจะเอาผิดให้ถึงที่สุด ก็เป็นสิทธิ์ของเขา ตนก็อยากรู้เหมือนกันว่าวันเกิดเหตุเกิดมาจากอะไรกันแน่ ส่วนตัวก็ยังคงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่รถของน้องชายจะเสียหลักพุ่งชนไปถึงขนาดนั้น เพราะรถยุโรปมีการทรงตัวที่เหนือชั้นอยู่แล้ว
ประเด็นเรื่องการเยียวยา ก็คงต้องรอหลักฐานประกันรถของน้องชายว่าช่วยอะไรกับครอบครัวเขาได้บ้าง และก็จะช่วยในส่วนที่ทางครอบครัวจะช่วยได้ แต่จะให้ครอบครัวไปช่วยในฐานะผู้กระทำผิดก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะน้องของตนก็ได้ชดใช้ไปด้วยชีวิตแล้ว เพราะชีวิตของน้องตนก็มีค่าเหมือนกัน