ต้องบอกว่าตั้งแต่มีประกาศให้ปิดสถานบันเทิงอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 กลับมาระบาดหนักในระลอก 3 ทำเอาผู้ประกอบการหลายรายถึงกับออกมาโอดครวญกับภาระรายจ่ายที่ต้องแบกรับในแต่ละเดือน
ล่าสุดวันที่ 7 มิ.ย.64 หนึ่งในร้าน hang out ย่านสะพานควาย ซอยพหลโยธิน 14 ชื่อ “Thaisho” (ไทโช) เจ้าของร้านได้โพสต์ภาพสิ่งของภายในร้านพร้อมกับข้อความระบุว่า "ลาก่อน ถ้ามีรัฐบาลใหม่เมื่อไร เราคงได้เจอกันนะทุกคน #ผนงรจตกม (__โง่เราจะตายกันหมด) ไทยโชเปิดขายโละทุกอย่าง ถ้ารัก โปรดมาช่วยเลือกของไปหน่อยนะ ราคาเริ่มต้นเพียง 10 บาทเท่านั้น เปิดขายวันที่ 10-13 มิ.ย.64 , 17-20 มิ.ย.64 เวลา 10.00-19.00 น. พิกัด พหลโยธิน ซอย 14 (ปากซอยติดธนาคารออมสิน)" และเชิญชวนให้ทุกคนที่เคยเป็นลูกค้าของร้านสามารถแวะมาบอกลา รวมทั้งเก็บภาพสุดท้ายได้ในช่วงที่วันที่เปิดขาย
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังร้าน “ไทโช” พบว่าสภาพร้านอยู่ในลักษณะที่สิ่งของทุกอย่างถูกจัดเก็บพร้อมสำหรับให้คนเข้ามาเลือกชมตามประกาศจริง โดยร้านจะเป็นตึกพาณิชย์ให้เช่าขนาด 6 ชั้น ซึ่งร้าน “ไทโช” จะอยู่บริเวณชั้น 1 และชั้นลอย โดยชั้น 1 จะเป็นโซนเล่นดนตรีและโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งดื่มและห้องน้ำ อีกครึ่งชั้นจะเป็นโซนสำหรับนั่งดื่มทั้งหมด บาร์สำหรับจำหน่ายเครื่องดื่ม และห้องครัว
เก้าอี้ประมาณ 150 ตัว, โต๊ะบาร์ไม้ 3 ตัว, โต๊ะไม้สี่เหลี่ยมประมาณ 15 ตัว, โซฟา 1 ชุด, จอ projector 1 ตัว, พัดลมติดผนัง 6 ตัว, พัดลมตั้งโต๊ะ 5 ตัว, ลำโพงคละขนาด 8 ตัว, เครื่องควบคุมระบบเสียง 1 ชุดใหญ่, ตู้แช่เครื่องดื่ม 3 ตู้, ตู้ใส่น้ำแข็ง 2 ตู้, เครื่องปรับอากาศ 2 ตัว, กล้องวงจรปิด 2 ตัว, อุปกรณ์ตกแต่งร้าน เช่น รูปถ่าย ป้ายตัวอักษร กระจก, อุปกรณ์ภายในครัว อาทิ หม้อหุงข้าว 4 หม้อใหญ่ ขวดโหล ซิงค์ล้างจาน เตาแก๊ส ถังขยะ ไมโครเวฟ ชั้นวางของสแตนเลส 2 ตัว โต๊ะสแตนเลส 6 ตัว และแก้วน้ำ ถ้วย ชามอีกหลายร้อยชิ้น รวมถึงเครื่องดื่มอีกนับหลายร้อยขวดที่ซื้อตุนไว้ในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 รอบ 2 เริ่มคลี่คลาย เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยี่ห้อต่าง ๆ น้ำผลไม้ โซดา น้ำเปล่า
ทีมข่าวได้พูดคุยกับหนึ่งใน 4 ของหุ้นส่วนร้าน อย่าง “เอ็ม-สุภัสสร ช่อผกา” วัย 31 ปี เล่าให้ฟังว่า เดิมทีเปิดร้านนี้ขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ปีนี้กำลังจะเข้าปีที่ 3 เริ่มจากที่ตนเรียนจบคณะศิลปกรรม ชอบเรื่องของการออกแบบ ก็เลยร่วมกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัยก่อตั้งร้านบรรยากาศแนวนี้ขึ้นมาด้วยความตั้งใจ ด้วยเงินลงทุนเกือบ 5 ล้านบาท และที่ผ่านมาผลประกอบการก็ดีมาตลอด คนเต็มร้านทุกคืน เดือนหนึ่งมีรายได้เข้าร้านประมาณ 1 ล้านกว่าบาท
แต่เมื่อเจอกับสถานการณ์โควิด-19 รอบแรกเข้าก็เริ่มเซ แต่ก็ยังพอไปต่อได้ เมื่อเข้าสู่โควิด-19 รอบ 2 ก็เริ่มมีการปรับตัว ลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นออกไป เพราะคิดไว้แล้วว่าต้องกลับมาอีกรอบ ซึ่งแน่นอนว่าพอเจอกับโควิด-19 รอบที่ 3 ร้ายถูกสั่งปิดเกือบ 1 ปีเต็ม รายได้เป็นศูนย์ก็ถึงทางตัน ตนมองไม่เห็นหนทางที่จะไปต่อได้จริง ๆ เงินเก็บที่มีก็ต้องเอาออกมาพยุงร้านไปเรื่อย ๆ ทั้งค่าเช่าร้านเดือนละเกือบ 1 แสนบาท ค่าน้ำไฟเดือนละประมาณ 2-3 หมื่นบาท เงินเดือนพนักงาน 16 คน แบ่งเป็นพนักงานบริการ 12 คน พนักงานครัว 4 คน รวมแล้วตกเดือนละเกือบ 3 แสนบาท ค่านักดนตรีวันละ 1,400-4,000 บาท รวมทั้งหมดก็ประมาณ 5.5 แสนบาทต่อเดือน
ดังนั้นจึงมีการปรึกษากับหุ้นส่วนว่า แม้ร้านจะมีฐานลูกค้าประจำเยอะมากขนาดไหน พนักงานทุกคนจะดีแค่ไหน แต่ในเมื่อทุกวันนี้เปิดไม่ได้ สถานการณ์หนักเกินจะรับไว้จริง ๆ ก็ควรที่จะหยุดไว้แค่นี้ แล้วเซฟเงินที่มีอยู่ดีกว่า อย่าควักเนื้อมาสู้ต่ออีกเลย โดยจะจ่ายค่าเช่าตึกและค่าจ้างพนักงานเดือนมิ.ย.64 เป็นเดือนสุดท้าย ส่วนตนก็จะไปดูแลร้านอาหารที่มีอยู่อีก 3 ร้านต่อ
คุณเอ็ม กล่าวยอมรับว่า การตัดสินใจประกาศปิดร้านในฐานะคนที่ก่อตั้งก็ถือว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายและเศร้ามาก สิ่งของทุกอย่างที่ประกาศขายไปก็เพราะมองว่าหากจะเก็บก็ไม่มีที่ คงต้องทิ้งไปเปล่า ๆ จึงเลือกที่จะขายแบบถูก ๆ เริ่มต้นราคา 10 บาทอย่างที่บอก ทั้ง ๆ ที่ตามราคาจริงแล้วสิ่งของทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนบาท
แต่สิ่งของอย่างหนึ่งที่ยังคงชั่งใจอยู่ว่าจะขายดีหรือไม่ ก็คือป้ายร้านที่ตนและเพื่อนร่วมกันออกแบบและติดด้วยมือของตัวเอง ใจหนึ่งก็อยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก หวังว่าวันหนึ่งหากมีโอกาสจะได้กลับมาใช้อีกครั้ง แต่ก็คงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ เพราะทันทีที่ต้นประกาศปิดร้าน ลูกค้าหลายคนก็เข้ามาแสดงความห่วงใย ความผูกพันที่มีต่อร้านเยอะมาก ทำให้ตนผุดกิจกรรมรำลึกความทรงจำขึ้นว่าในวันที่มีการเปิดให้เข้ามาเลือกซื้อของ ตนจะมีแผ่นป้ายผ้าให้ลูกค้าเข้ามาเขียนความรู้สึกที่มีต่อร้านด้วย ส่วนคนที่ติดต่อเข้ามาขอซื้อของภายในร้าน ตอนนี้ก็มีเยอะมาก โดยเฉพาะป้ายร้านที่หลายคนอยากจะซื้อไปเก็บไว้ แต่ตนตั้งใจว่าจะเข้าไปติดป้ายราคาในของแต่ละชิ้นให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะเปิดให้เข้ามาซื้อกันตามวัน-เวลาที่กำหนด
นอกจากนี้ คุณเอ็ม ได้กล่าวถึงที่มาของการโพสต์ข้อความปิดร้าน เนื่องจากตลอด 3 ระลอกของโควิด-19 ตนไม่เคยได้รับการเยียวยาแม้แต่สักครั้ง จนถึงตอนนี้ ในขณะที่หลายร้านเริ่มปิดกิจการกัน ก็ไม่เห็นว่าภาครัฐจะให้การเยียวยาอะไรด้วยซ้ำ จึงอยากวิงวอนในฐานะผู้ประกอบการคนหนึ่งว่า หากภาครัฐไม่เข้ามาดูแลตอนนี้ เหล่าผู้ประกอบการก็คงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว โดยเฉพาะร้านผับบาร์ เช่นตนที่ถูกปิดเป็นรายแรก ๆ และกว่าจะได้เปิดก็เป็นรายท้าย ๆ ทั้งนี้ทุกครั้งที่ต้องแบกรับไม่ได้หมายความว่าเป็นการแบกรับแค่ตัวของผู้ประกอบการ แต่ยังมีพนักงานอีกหลายชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ ทุกอย่างชะงักแน่นอน
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ "แว่น-ฐิติวัฒน์ วีระกุลทรัพย์" พนักงานบริการของร้านวัย 42 ปี กล่าวว่า วันแรกที่เจ้าของร้านเรียกประชุมแล้วแจ้งว่าไม่สามารถประคองร้านไหวแล้วและตั้งใจจะปิดร้านไป ทุกคนก็น้ำตาคลอกันหมด เพราะไม่อยากให้ปิด เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ทำงานกันมาทุกอย่างดีมาก ทั้งเจ้าของร้านก็ใจดี ดูแลตลอดไม่เคยทอดทิ้ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะนึกถึงหัวอกพนักงานเป็นหลัก ทุกวันก็มักจะเอ่ยคำชม คำขอบคุณให้ตลอด ไม่ได้มองว่านี่คือหัวหน้ากับลูกน้องด้วยซ้ำ เรียกว่าอยู่กันแบบครอบครัว แต่สุดท้ายแล้วพวกตนก็ทำอะไรไม่ได้
เช่นเดียวกับลูกค้าทุกคนที่เข้ามาใช้บริการก็เป็นกันเองหมด พูดคุย รู้จักกันเหมือนเพื่อน เหมือนญาติคนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ไป ตนยอมรับเลยว่าหลังตอนนี้ก็ถือว่าหนักมาก กลายเป็นคนตกงานไปโดยปริยาย เคว้งคว้างมาก เหมือนตนกำลังหาแหล่งน้ำจืดในทะเล ไม่เห็นแม้ทางออกแม้จะนิดเดียว ครั้นจะหวังพึ่งการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ส่วนตัวก็มองว่าด้วยวิสัยทัศน์ของคนเหล่านั้นแล้วก็คงยาก
