จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Legened Thailand โพสต์รูปภาพและข้อความถึงกรณีครอบครัวหนึ่ง ที่สูญเสียลูกชายจากอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ล้ม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประกบมาด้วย โพสต์ทวงถามหาความยุติธรรม เพราะหลังจากเกิดอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพิ่มเติม
วันที่ 29 พ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังศาลา 4 วัดทัศนารุณสุนทริการาม แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ วันนี้เป็นวันฌาปนกิจศพของ ด.ช.ณัฐดนัย พุทธขาว หรือ ฟลุ๊ค อายุ 15 ปี ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม
มีญาติพี่น้อง และเพื่อนที่โรงเรียนมาร่วมงานจำนวนมาก ศพเคลื่อนออกจากศาลา เวลาประมาณ 14.00 น. นำศพเวียนรอบเมรุ 3 รอบ ก่อนนำศพขึ้นบนเมรุและฌาปนกิจศพจริงเวลา 15.00 น. หลังจากนั้นญาติได้เชิญรูปน้องฟลุ๊คกลับบ้าน บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางสาวนฤมล คำหาญ อายุ 39 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 02.00 น. ลูกชายตนเองออกไปจากบ้านตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. เตะฟุตบอลกับเพื่อนก่อนที่จะกลับบ้านช่วงประมาณ 01.00 น. กลับโดยรถจักรยานยนต์ของที่บ้าน มี ด.ช.วัชรวรวณ์ หรือ โฮจุน อายุ 14 ปี เป็นคนขับ ด.ช.วิญูชน หรือ ปกป้อง อายุ 15 ปี นั่งกลาง และด.ช.ณัฐดนัย อายุ 15 ปี นั่งท้ายสุด ระหว่างทางมีรถจักรยานยนต์สายตรวจ สน.ดินแดงขี่ตามมา อาจจะเป็นเพราะซ้อน 3 ไม่สวมหมวกกันน็อก หรือเรื่อง พ.ร.บ.หรือไม่ แต่ด้วยความตกใจ รถจักรยานยนต์ของลูกชายตนเองไม่ได้จอด รถตำรวจก็ขี่ตามมาเรื่อย ๆ จนรถลูกชายและรถของตำรวจล้มลง บริเวณใกล้ถึงสามเหลี่ยมดินแดง
ตนคาดว่าลูกชายตนเองน่าจะเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เนื่องจากร่างกระเด็นหัวฟาดกับเสา หน้าอกกระแทกกับราวเหล็ก เป็นแผลฉกรรจ์ ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ส่วน ด.ช.โฮจุน คนขับได้รับบาดเจ็บหัวเข่าแตก ขาซ้ายหัก หัวไหล่ถลอก ส่วน ด.ช.ปกป้อง นิ้วก้อยขวาแตก ศีรษะถลอก แขนซ้ายเส้นประสาทเสีย มีรอยถลอกตามหัวเข่า ทางครอบครัวติดใจเรื่องของเจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งว่าลูกชายของตนเองเสียชีวิตทั้ง ๆ ที่เด็ก 2 คนที่ไปด้วยก็มีสติสามารถบอกได้ว่าคนที่เสียชีวิตคือใคร แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าศพของลูกชายตนเองเป็นศพไร้ญาติ
ครอบครัวเอะใจตั้งแต่แรก เพราะลูกไม่เข้าบ้าน จึงออกตามหาลูกชายกันเอง จนกระทั่งตรวจสอบจากโรงพยาบาลราชวิถี จนทราบว่าพบศพลูกชายแล้ว ทราบอีกครั้งก็เมื่อเวลา 11.00 น. วันเดียวกันกับที่เกิดเหตุ มีการผ่าชันสูตรศพทันทีก่อนที่ญาติจะทราบข่าว จึงทำให้การติดต่อนำศพออกมาค่อนข้างยากลำบาก
ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 วันทางผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลดินแดง เดินทางมาที่งานศพและมอบพวงหรีดให้กับครอบครัวเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจ แต่ทางครอบครัวอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ช่วงเวลาดังกล่าวให้ออกมาแสดงตัว และให้มาพูดคุยกับครอบครัวเ พราะตั้งแต่เกิดเหตุตามครอบครัวยังไม่เคยเห็นหน้าตาของตำรวจทั้ง 2 นาย ตนอยากทราบสาเหตุของการที่รถล้มว่าเป็นเพราะเหตุใด ลูกชายของตนเองเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ทุกคนเป็นนักกีฬาฟุตซอลของโรงเรียน และชอบออกไปแข่งขันตามการแข่งขันต่าง ๆ ใกล้พื้นที่บ้าน
ตนเองไม่ได้มีลางบอกเหตุแต่อย่างใด แต่มีช่วงก่อนจะเกิดเหตุลูกชายมีการมาพูดคุยหยอกล้อกับตนเองและลูกอีก 2 คนมากกว่าปกติ หลังจากเกิดเหตุก็ไม่มีการมาเข้าฝัน หรือมาหาคนในครอบครัว ตนเองยังทำใจไม่ได้ 3 วันแรก ตนเองไม่ยอมพูดกับใครเลย
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณจุดเกิดเหตุ ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า มุ่งหน้าเข้าสามเหลี่ยมดินแดง บริเวณจุดเกิดเหตุมีช่องทางรถวิ่งสามช่องทาง ช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีผู้เห็นเหตุการณ์ช่วงกลางดึก ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด 2 คลิป
คลิปแรกเป็นคลิปก่อนที่จะเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุประมาณ 500 เมตร รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตและของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขี่มาคู่ขนานกัน ตีคู่กันไป ส่วนคลิปที่สองเป็นคลิปช่วงเกิดเหตุ สังเกตเห็นว่าบริเวณที่ประสบอุบัติเหตุมีประกายไฟเพราะรถมีการกระแทกกับพื้นและเห็นรถล้มลงไปกับพื้น ระยะทางจากจุดเกิดเหตุมาจากกล้องวงจรปิดประมาณ 200 เมตร
ด.ช.โอริโอ้ อายุ 16 ปี เพื่อนของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนจะเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. หลังจากเตะฟุตซอลกันเสร็จแล้ว ฟลุ๊คกับเพื่อนอีกคนมาส่งตนเองที่บ้าน ฟลุ๊คก็บอกกับตนเองว่า "ไว้เจอกันใหม่" ตนเองก็เข้าบ้านตามปกติ และไม่คิดว่าหลังจากนั้นฟลุ๊คจะไปประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ซึ่งก่อนจะเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุใด ๆ เลย ที่ผ่านมาฟลุ๊คเป็นคนร่าเริง เป็นที่รักของเพื่อน ๆ ทุกคน ไม่เคยมีพฤติกรรมมั่วสุมหรือเกเร ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ชอบเล่นฟุตบอลมาก ตนเองรู้จักกับฟลุ๊คได้ 2 ปี ตั้งแต่ ม.1 ถึงปัจจุบัน ส่วนตัวก็คิดว่าตำรวจทำเกินกว่าเหตุไปหรือไม่ ที่ทำให้เพื่อนตนเองรถจักรยานยนต์ล้ม ตนเองขอให้เพื่อนไปสู่สุคติ และขอให้เกิดมาเป็นเพื่อนกันอีก
ด.ช.วิญญูชน หรือ ปกป้อง อายุ 15 ปี คนที่อยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนเองไปนั่งเล่นกับเพื่อนตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. หลังจากนั้นก็กำลังจะกลับบ้านช่วง 02.30 น. โดยมีโฮจุนเป็นคนขับ ตนเองนั่งกลาง และฟลุ๊คซ้อนท้าย เพื่อนกำลังจะมาส่งตนเองที่บ้าน ขับออกตามมาปกติจากซอยประชาสงเคราะห์ 8 ห่างจากจุดเกิดเหตุ 1.3 กิโลเมตร โดยไม่ได้สวมหมวกกันน็อก ปกติก็จะกลับบ้านเวลานี้เป็นประจำอยู่แล้ว
แต่เมื่อออกจากซอยมาประมาณ 500 เมตร พบกับรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ 2 นาย ตำรวจบอกให้ตนเองจอด แต่เพื่อนที่ขี่อยู่ไม่ชะลอรถ ตนเองจึงบอกให้เพื่อจอด แต่เพื่อนกลับไม่จอด และบิดคันเร่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขี่ประกบตาม ก่อนที่จะถึงจุดเกิดเหตุ ภาพสุดท้ายของตนเองที่จำได้คือภาพที่นั่งรถแล้วรถเสียหลัก หลังจากนั้นภาพก็ตัดไป รู้สึกตัวอีกทีขณะที่อยู่บนรถพยาบาลแล้ว จึงไม่ทราบว่าก่อนที่รถจะล้มเกิดอะไรขึ้น แต่ตัวเองก็ไม่คิดว่าเพื่อนจะเสียชีวิต คิดว่าบาดเจ็บกันทั้ง 3 คน ตนเองมีอาการบาดเจ็บที่นิ้วขวาแตก แขนซ้ายเส้นประสาทเสีย และแผลถลอกตามตัว ตำรวจสายตรวจที่ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาก็รถล้มได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นกัน
ในความคิดตนเองคิดว่าคงจะเป็นเวรกรรมที่รถล้ม และผิดที่เพื่อนตนเองไม่ยอมจอดด้วย จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ที่ผ่านมาเพื่อนทั้ง 2 คน เป็นคนขี้เล่น สนุกสนาน แต่โฮจุนเป็นคนค่อนข้างพูดไม่ฟัง หลังจากเกิดเหตุตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมา ตนเองขอมองเป็นกลาง ไม่อยากโทษตำรวฝ่ายเดียว หลังจากนี้แขนซ้ายที่บาดเจ็บต้องรอดูแขนซ้ายอีก 1 ปีว่าจะกลับมาใช้ได้หรือไม่ และหลังจากนี้คงไม่ออกไปนอกบ้านกลางดึกอีกแล้ว เพราะเข็ด กระทบต่อสภาพจิตใจเสียใจเพราะกลัวอนาคตแขนซ้ายจะใช้การไม่ได้ อยากจะขอโทษฟลุ๊ค ที่เกิดเหตุแบบนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ที่โฮจุนไม่จอดอาจจะเป็นเพราะซ้อน 3 กกันมา และไม่สวมหมวกกันน็อกด้วย หลังจากเกิดเหตุตนเองและโฮจุนก็ไม่ได้ไปร่วมงานศพ เพราะยังอยู่ในอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถไปร่วมงานได้ ตัวเองจะได้คุยกับโฮจุนบอกว่าตนเองเสียใจที่ทำให้มีส่วนทำให้ฟลุ๊คต้องเสียชีวิตด้วยเช่นกัน
ด้านตำรวจ สน.ดินแดง เปิดเผยว่า ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการไปถีบรถของผู้เสียชีวิต แต่เจ้าหน้าที่สายตรวจมีการขอตรวจค้น เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวเป็นยามวิกาล เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องขอตรวจค้นเรื่องของยาเสพติด แต่รถไม่ยอมจอด จึงต้องขี่ตาม เพราะมีพฤติกรรมหลบหนี น่าสงสัย โดยการที่รถล้มนั้น เกิดจากท้ายรถของผู้เสียชีวิต เสียหลักไปถูกด้านหน้ารถจักรยานยนต์ของสายตรวจ จึงทำให้รถเสียหลักล้มทั้งสองฝ่าย
เจ้าหน้าที่ก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกันทั้ง 2 นาย ขณะนี้ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านก่อน ยังไม่กลับมาปฏิบัติงาน เป็นเจ้าหน้าที่สายตรวจ ที่ปฏิบัติงานมา 4-5 ปีแล้ว ยืนยันว่าไม่ให้อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.วิภาวดี ซึ่งจะมีการติดตามคดีอย่างต่อเนื่อง จะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
