กรณีสถานการณ์การแพร่กระจายของเชื้อไวนัสโควิด-19 ซึ่งมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ไม่ได้เข้ารับการรักษาเพราะเตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ ทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่าหากไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจจะลุกลามลงปอดจนอาการหนัก และรักษาไม่ทันท่วงทีหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 25 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี วิดีโอคอลพูดคุยกับ นางสมพร ฮิราอิวะ อายุ 37 ปี ผู้ป่วยโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้เข้ารับการรักษา ต้องกักตัวพร้อมด.ญ.ฤทัยรัตน์ แซ่กู้ อายุ 6 ขวบ ลูกสาว และนางอาภา แซ่ปึง อายุ 70 ปี แม่ของสามี โดยทั้ง 2 คนติดเชื้อโควิด-19 เช่นเดียวกัน
นางสมพร กล่าวว่า ตนติดเชื้อมาจากสามี ซึ่งทำงานย่านสุขุมวิท โดยตอนแรกสามีเริ่มมีอาการป่วยแต่ไม่ได้ไปตรวจ จนช่วงวันที่ 19-20 เม.ย.64 ตนมีอาการหนาวสั่น ปวดหัว ปวดตา จึงไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 21 เม.ย.64 โดยรู้ผลช่วงค่ำวันเดียวกันว่าติดเชื้อ ตนจึงบอกให้สามีไปตรวจ เพราะน่าจะติดเชื้อเช่นเดียวกัน เมื่อสามีไปตรวจปรากฏว่าผลเป็นบวก จึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เพราะมีประกันสังคม
จากนั้นวันที่ 22 เม.ย.64 แม่สามีและลูกสาวของตนไปตรวจ เพราะสัมผัสใกล้ชิด โดยผลออกมาว่าติดเชื้อ พวกตนจึงมากักตัวอยู่ด้วยกันในห้องนอนที่บ้านชั้น 2 โดยตนโทรศัพท์ไปตามเบอร์สายด่วนภาครัฐ เพื่อขอให้มารับไปรักษาตัว แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รอก่อน เพราะเตียงยังไม่ว่าง ซึ่งตนรอมาตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.64 รวมเวลา 5 วันแล้วยังไม่มีวี่แวว
โดยอาการของตนตอนนี้ คือ เหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก ถ่ายเหลว ส่วนลูกสาวก็เหนื่อยหอบ หายใจไม่สะดวก ส่วนแม่สามีมีอาการปวดตัว ปวดขา และปวดศีรษะ ที่ผ่านมาพวกตนซื้อยาพาราเซตามอลมากิน ส่วนลูกสาวก็กินยาแก้ไข้เด็กประทังไปก่อนทั้ง 3 เวลา เพราะไม่มีใครแนะนำว่าจะต้องทำอย่างไร ส่วนอาหารการกิน มีน้องสาวของสามี ซึ่งไม่ได้ติดเชื้อ แต่ต้องกักตัวอยู่อีกห้อง เป็นคนคอยสั่งข้าวมาให้พวกตนทั้ง 3 คน
นางสมพร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนพยายามติดต่อไปหลายหน่วยงาน แต่ได้รับคำตอบมาแค่ว่าให้รอ ตอนนี้กลัวเชื้อจะลงปอด จนเริ่มเป็นโรคเครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับ ส่วนตัวไม่ได้กลัวตาย แต่ห่วงลูกสาววัย 6 ขวบ และแม่สามีซึ่งสูงอายุแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือเมื่อไร ตนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มารับตัวพวกตนออกไปรักษาตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม อัปเดตเวลา 15.30 น. ทีมข่าวโทรศัพท์กลับไปสอบนางสมพร ระบุว่า ล่าสุดศูนย์เอราวัณโทรศัพท์กลับมาบอกให้เก็บเสื้อผ้า เพราะจะมีรถพยาบาลเข้ามารับ
จากนั้นทีมข่าวลงพื้นที่บ้านของนางสมพร ซึ่งเป็นทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เพื่อนบ้านส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่านางสมพร ลูกสาว และแม่สามีติดโควิด-19 แต่ผิดสังเกตเพราะปิดบ้านเงียบมา 3-4 วันแล้ว นางนาตยา ชื่นบุญ อายุ 29 ปี เพื่อนบ้าน ระบุว่า ส่วนตัวรู้สึกกังวลหลังรู้ว่าเพื่อนบ้านติดโควิด-19 เพราะกลัวว่าจะติดไปด้วย เนื่องจากมีลูกอายุ 3 ขวบ จึงอยากให้ภาครัฐมีมาตรการออกมาช่วยเหลือที่ดีกว่านี้ ควรจะส่งรถพยาบาลมารับตัวผู้ป่วยไปรักษาให้ถูกต้อง
