ลำยอง หนองหินห่าว ให้อภัยหนุ่มคอมเมนต์ขู่เอาชีวิต ยกเป็นกรณีศึกษาเกรียนคีย์บอร์ด

จากกรณีที่นักร้องสาว “ลำยอง หนองหินห่าว” เจ้าของเพลงดัง เอาผัวไปเทิร์น ถูกชายผู้ใช้เฟสบุ๊กรายหนึ่ง ที่ขู่ว่าจะเอาปืนไปยิงเธอให้ตายถึงเวทีคอนเสิร์ต แถมยังบอกว่าจะตามไปยิ่งพ่อแม่ของเธอด้วย จนทำให้เจ้าตัวต้องเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สน.คันนายาว เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 และตั้งใจจะเอาความให้ถึงที่สุด

ซึ่งเมื่อคุณแม่ของผู้กระทำความผิดได้รับหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็มีการโทรมาบอก “พี่ลำยอง” แล้วครั้งหนึ่งว่า ลูกชายไม่สบาย มีอาการไบโพลาร์ จึงอยากขอโอกาสขอโทษแต่ไม่อยากให้เป็นข่าว ซึ่งทาง “พี่ลำยอง” รู้สึกว่าในเมื่อคุณใช้พื้นที่สื่อสาธารณะในการก่อเรื่องนี้ขึ้น มันก็จบที่สื่อสาธารณะเช่นกัน

ทำให้วันนี้ 17 มีนาคม 2564 ในช่วงเวลา 13.00 น. ทาง “พี่ลำยอง หนองหินห่าว” ก็ได้เดินทางมาพบกับคู่กรณีที่ สน.คันนายาว เป็นครั้งแรกหลังมีการแจ้งความไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 เพื่อทำการไกล่เกลี่ยตามนัดหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาพร้อมกับคุณแม่ ที่เดินทางมาจาก จ.อำนาจเจริญ

โดยการไกล่เกลี่ยในครั้งนี้ใช้เวลากว่า 30 นาที ซึ่งทางผู้กระทำความผิดให้การว่าตนติดตาม “พี่ลำยอง” มานานแล้ว แต่ไม่ได้เป็นแฟนคลับ และมีการคอมเมนท์ด้วยข้อความปกติในไลฟ์สดตลอด แต่ “พี่ลำยอง” ไม่เห็น ไม่อ่าน จึงตัดสินใจด้วยความสนุก ลองคอมเมนต์ด้วยคำหยาบคายดังกล่าว เพื่อเรียกร้องความสนใจจาก “พี่ลำยอง” ดูก็เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจจะขู่ฆ่าจริงตามที่เขียนไป

พร้อมกันนี้ทางคู่กรณียังยืนยันอีกว่าตนไม่ได้ป่วยเป็นไบโพลาร์ แต่ทางคุณแม่ก็ยอมรับว่าลูกมีการเข้ารับยาที่โรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ ก่อนที่ทางคู่กรณีจะกล่าวคำขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่าหลังจากนี้จะไม่ทำกระทำเช่นนี้อีก

ซึ่งทาง “พี่ลำยอง” เองก็บอกว่าส่วนตัวแล้วอยากให้อภัยที่เขาและคุณแม่ยอมมาขอโทษต่อหน้าสื่อ ไม่เอาความ ถือว่าเป็นการให้ทานอย่างหนึ่งและให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 500 บาทโดยความยินยอมของผู้เสียหายไป เพราะมองว่าคนเรามีโอกาสทำผิดพลาดกันได้ แต่การที่ทำผิดพลาดในแต่ละครั้งก็ต้องได้รับบทเรียน เพื่อจะได้ไม่ทำอีก ตนจึงต้องให้เรื่องถึงมือตำรวจ ให้เห็นว่าการกระทำนั้นมันมีความผิดตามกฎหมายจริงๆ ไม่ใช่ปล่อยไปเฉยๆ

และเห็นว่าวันนี้ทางคุณแม่ของผู้กระทำความผิดเดินทางมาจากต่างจังหวัด ก็เลยรู้สึกสงสาร ไม่รู้ว่าจะมีค่ารถกลับหรือเปล่า จึงทำให้เห็นว่าบางครั้งคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เลี้ยงลูกได้แค่ตัว ไม่สามารถเลี้ยงหัวใจได้ ส่วนลูกเองที่กระทำความผิดไป ก็ไม่รู้ว่าเคยนึกถึงหัวอกคนเป็นพ่อแม่บ้างหรือเปล่า

อยากให้ครั้งนี้เป็นกรณีศึกษาของคนที่ด่าผู้อื่นด้วยความสนุกปากว่า หากอยากทักทายก็สามารถใช้คำอื่นได้ ไม่ใช่ใช้คำหยาบคายหรือข่มขู่ แล้วมาอ้างทีหลังว่าป่วย หรือบอกว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจ เพราะคนที่โดนด่า โดนข่มขู่เขาไม่สนุกด้วย บวกกับอยากให้เห็นว่าวันนี้กฎหมายไทยสามารถเอาผิดผู้กระทำเรื่องราวแบบนี้ได้จริง

ส่วนเรื่องอาการป่วยของคู่กรณีนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า จะต้องพาไปเข้ารับการตรวจโดยทีมแพทย์อีกที ซึ่งทาง “พี่ลำยอง” บอกว่าถ้าป่วยจริงก็อยากให้ได้รับการรักษา เพื่อจะได้ไม่ทำแบบนี้อีก