จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเหตุสามีภรรยาทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน ที่บ้านเลขที่ 10 บ้านข้องโป้ หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านขาม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยสามีอยู่ในอาการเมาทำร้ายร่างกายภรรยา ใช้กระป๋องแป้งยัดอวัยวะเพศ พร้อมใช้กระดาษมวลบุหรี่จุดไฟลนอวัยวะเพศเมียจนเจ็บสาหัส
ทราบชื่อสามีคือนายวิวัติ จิตรโก อายุ 50 ปี ส่วนนางจิลลาวัณย์ พาละแพน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา ส่วนปมเหตุผู้ก่อเหตุอ้างว่าไม่พอใจที่ภรรยาด่าทอ บอกว่าตัวเองนกเขาไม่ขัน จึงทำให้มีอารมณ์โมโหก่อเหตุดังกล่าว
วันที่ 29 ม.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ยังบ้านของนางจิลลาวัณย์ พาละแพน อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านขาม อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งมีญาติของนางจิลลาวัณย์ เดินทางมาจัดเตรียมสถานที่เพื่อจัดงานศพของนางจิลลาวัณย์ พาละแพน อายุ 59 ปี โดยญาติอยู่ในความตกใจและเสียใจ
นางสมพิษ สุวรรณศรี อายุ 64 ปี พี่สาวผู้เสียชีวิต บอกว่า นางจิลลาวัณย์ ผู้เสียชีวิต น้องสาวของตนคบหากับนายวิวัติ ผู้ต้องหา ได้ไม่นาน ช่วงเดือนตุลาคม 2563 โดยไปเจอกันตอนที่ไปรับจ้างเกี่ยวข้าวด้วยกัน ซึ่งน้องสาวของตนก็มาเล่าให้ฟังว่าได้คบหาและอาศัยอยู่ร่วมกันกับนายวิวัติ ตนก็ทำได้แค่รับฟัง
ที่ผ่านมาทั้ง 2 คนมีปากเสียงกันบ้าง เพราะด้วยอาการมึนเมาของพิษสุรากันทั้งคู่ แต่ยังไม่เคยมีการลงไม้ลงมือกัน ซึ่งนิสัยของนางจิลลาวัณย์เป็นคนที่ขยันทำงาน แต่รักสนุกชอบดื่มสุรา มีลูกกับสามีเก่าผู้ชายคนโตอยู่ไต้หวัน ลูกสาวคนเล็กอาศัยกับครอบครัวอยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช บ้านหลังนี้จึงมีแค่น้องสาวตนอาศัยอยู่คนเดียว
จนกระทั่งวันที่ 27 ม.ค. 64 น้องสาวของตนเดินทางมาหาตนที่บ้าน บอกว่าทะเลาะกับนายวิวัติ และถูกทำร้ายร่างกายเล็กน้อย จะขอมานอนด้วย 1 คืน ซึ่งน้องตนเอาเงิน 5,000 บาท และทอง 1 บาทยื่นฝากไว้กับตน พอตกเย็นนายวิวัติมาตามนางจิลลาวัณย์กลับบ้าน แต่น้องสาวของตนไม่ยอมกลับ ตนเลยเตือนว่าครั้งนี้ก็ให้เลิกกันไปเลย
เช้าวันต่อมา 28 ม.ค. 64 นายวิวัติมาตามนางจิลลาวัณย์กลับบ้านอีกครั้ง โดยน้องสาวของตนก็คงจะรักมากใจอ่อนยอมกลับไป จนกระทั่งเย็นในวันเดียวกัน ตนทราบข่าวจากชาวบ้านว่าน้องสาวของตนถูกนายวิวัติทำร้ายร่างกายจนอาการบาดเจ็บสาหัส และมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เวลาประมาณ 01.00 น. ส่วนตัวไม่อยากให้มารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น อยากให้นายวิวัติติดคุกตลอดชีวิต หรือให้โทษประหารชีวิต เพราะถ้าออกมาก็จะฆ่าคนอื่นอีก เพราะจิตใจโหดเหี้ยมเกินมนุษย์ ต่อให้มาขอโทษขอขมาตนก็ไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด
นายอาลักษณ์ ขันธ์พระ อายุ 54 ปี ผู้บาดเจ็บ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มเหล้ากันภายในบ้านของตนเอง 3 คน มีนายวิวัติ, นางจิลลาวัณย์ และตน บรรยากาศบนโต๊ะก็พูดคุยเล่นตามปกติ ไม่ได้พูดคุยในเชิงชู้สาว เนื่องจากบ้านอยู่ตรงข้ามกัน ตนก็มองว่าเป็นเพื่อนบ้านกันไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่านี้
จากนั้นนายวิวัติได้ชวนนางจิลลาวัณย์กลับบ้าน เนื่องจากมีอาการเมาแล้วจะขอไปนอนพัก นายวิวัติเดินทางกลับไปก่อน ส่วนนางจิลไม่ยอมกลับ จะนั่งดื่มสุรากับตนต่อ
สักพักนายวิวัติได้มีการแอบย้อนกลับมาที่บ้านของตน ถีบประตูสังกะสีเข้าไป และตรงเข้ามาชกต่อยตนที่บริเวณใบหน้า ลากตนลงไปบีบคอและกระทืบตน ขณะนั้นตนก็รู้สึกงงและตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตนจึงยกมือไหว้ขอชีวิต และวิ่งหนีออกจากบ้านไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เหมือนว่ามีการทำร้ายร่างกายกันอยู่ภายในบ้าน จึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมายังพื้นที่ โดยตนมีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะโน และคิ้วแตกเป็นแผล
ส่วนตัวคาดสาเหตุที่ถูกต่อยนั้นมาจากความหึงหวงของนายนายวิวัติ ที่น่าจะคิดว่านางจิลลาวัณย์มีความสัมพันธ์ชู้สาวกับตน
ด้านนางพินทอง จิตรโก อายุ 78 ปี ยายผู้ต้องหา เปิดใจว่า ตนเลี้ยงนายวิวัติมาตั้งแต่เด็ก โดยปกติเป็นคนนิสัยดี ขยันทำงาน ชอบทำกับข้าวให้ตนกิน แต่เสียอย่างเดียวคือชอบดื่มสุราเยอะ พอเมาก็จะค่อนข้างอารมณ์ร้อน เสียงดังตามประสาคนเมา แต่ถ้าไม่เมาก็ปกติดีทุกอย่าง หลานชายของตนไม่มีครอบครัว ปกติก็อาศัยที่บ้านของตน แต่แล้วก็ได้คบหากับนางจิลลาวัณย์ จากการที่ไปทำงานรับจ้างเกี่ยวข้าวด้วยกัน ด้วยความที่ว่าชอบดื่มสุราด้วยกันจึงทำให้เข้ากันง่ายและคบหากันเร็ว
ก่อนหน้านายวิวัติเคยมีคดีความติดคุกมาแล้ว 1 รอบ ในปี 2556 และพ้นโทษมาเมื่อปี 2559 ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งมาในครั้งนี้ หลานของตนถูกดำเนินคดีอีกครั้ง ตนก็คงไม่ได้ไปประกันตัว ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปช่วย ส่วนตัวรู้สึกเป็นห่วงหลาน เนื่องจากเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็ก รักเหมือนลูก ตนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย แต่ก็คงจะไปร่วมทำบุญกับงานศพของผู้ตาย ตามกำลังทรัพย์ที่มี
