กรณีเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดี๋ยวจัดให้ by Kim Official" โพสต์ข้อความ ระบุว่า "รถล้มเองจริงไหม หรือมีเหตุอื่นใดแอบแฝงหรือไม่ เดี๋ยวทางญาติผู้เสียชีวิตจะได้ไปขอไล่กล้องดูอีกที ดูจากใบหน้าและสภาพรอยฟกซ้ำ มันพาให้สงสัย ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยค่ะ"
นอกจากนี้ ยังมีข้อความระบุว่า "เจ็บปริศนา!!! เหตุเกิดในพื้นที่ สน.สายไหม และเกิดเหตุบริเวณพื้นที่ทหาร หน้าทอ. กู้ภัยนำตัวไปส่งแจ้งว่าขับรถล้มเอง แต่หมอบอกว่าสภาพแบบนี้ไม่น่าจะใช่รถล้มเอง บาดแผลตามตัวไม่มีเลยมีแต่ที่หัว"
ทั้งนี้แฟนเพจดังกล่าว ระบุด้วยว่า "ปล.ขออนุญาติลงภาพ เจตนาเพื่อให้เห็นร่องรอยที่พาให้เกิดสงสัย ขอบคุณภาพหลังไมค์" พร้อมกับเปิดภาพชายรายหนึ่งที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลใบหน้าพกช้ำ และบวม อาการบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อต่อมา นายศิริวัฒน์ จอมหงษ์ อายุ 18 ปี
ล่าสุดวันที่ 29 ธ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับนายชัยวัฒน์ จอมหงส์ อายุ 50 ปี พ่อของผู้บาดเจ็บ เล่าด้วยน้ำตาคลอว่า จากการสอบถามลูกสะใภ้วานนี้ก่อนเกิดเหตุ เมื่อช่วงเช้านายศิริวัฒน์ลูกชายได้ออกไปทำงานส่งน้ำตามปกติ และในช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน เพื่อมาพักผ่อน แต่กลับประสบอุบัติเหตุ
โดยหลังจากเกิดเหตุลูกสาวคนโตของตนได้โทรมาแจ้งข่าวให้ทราบ ขณะนั้นตนได้ไปทำธุระที่ จ.อุบลราชธานี จึงรีบกลับมาทันที เพราะเห็นสภาพร่างกายของลูกชายแล้วทนไม่ไหว ซึ่งตลอดทางได้ภาวนาในใจขอให้ลูกชายรอดชีวิต แต่เมื่อเวลา 22.00 น. ทางแพทย์ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ให้ทำใจ เพราะสมองของลูกชายอยู่ในสภาวะที่ย่ำแย่
สำหรับกรณีที่ตนและครอบครัวติดใจ ลูกชายถูกทำร้ายร่างกาย เนื่องจากครอบครัวตนได้สังเกตว่าลูกชายมีใบหน้าที่มีรอยพกช้ำ บูดบวม แต่วันนี้ได้ไปดูกล้องวงจรปิดบริเวณพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศแล้ว ตนเห็นเพียงว่าลูกชายขับรถมาด้วยความเร็วตามปกติ แต่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อก
จากนั้นรถได้เริ่มเซ ขาพยายามพยุงรถก่อนจะล้มร่างกระเด็น คาดว่าน่าจะวูบ ประกอบกับลูกสะใภ้อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์คืนวันที่ 27 ธ.ค.63 ลูกชายของตนได้นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากนี้แพทย์ได้บอกตนว่า ลูกชายมีภาวะสมองบวม จึงเป็นเหตุทำให้เลือดคั่งตรงบริเวณใบหน้า และจากการสอบถามเพื่อนร่วมงานของลูกชาย ก็บอกว่าลูกชายเป็นคนที่ไม่มีปัญหาอะไรกับใคร เหตุผลเหล่านี้ส่งผลทำให้ตนนั้นติดใจว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกายแล้ว ทั้งที่ลูกชายของตนไม่มีคู่อริ
ส่วนลักษณะนิสัยใจคอของลูกชายตนนั้น รักครอบครัว บางครั้งอาจจะขับรถด้วยความเร็วบ้าง ก่อนจะเกิดเหตุตนไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไร แต่ได้คุยกันครั้งสุดท้ายในเรื่องของการต่อทะเบียนรถ พร้อมกับยื่มเงินตน พอตนโทรไปหาก็ไม่รับ หากลูกชายเชื่อฟังตน เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่ก็สงสารลูกชายที่ตนไม่ค่อยมีเวลาให้
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลที่นายศิริวัฒน์ จอมหงษ์ อายุ 18 ปี ผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวอยู่ น.ส.เนาวรัตน์ ศรีสุวรรณ อายุ 20 ปี แฟนสาวของผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุนั้นแฟนหนุ่มของตน กำลังจะเดินทางกลับบ้าน เพื่อกลับมาพักผ่อน เนื่องจากงานที่บริษัทได้จัดส่งน้ำดื่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว สักพักเพื่อนของตนไปส่งข่าวมาบอกว่า แฟนหนุ่มของตนประสบอุบัติเหตุ ขณะนั้นตนก็ไม่เชื่อจนได้เห็นรูปของแฟนหนุ่ม จึงรีบไปตามที่โรงพยาบาล
ทั้งนี้ยอมรับว่าเมื่อถึงโรงพยาบาล ตนสภาพจิตใจย่ำแย่ ที่ผ่านมาแฟนหนุ่มของตนขับรถไม่ประมาท แล้วเมื่อสังเกตบาดแผลแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะถูกทำร้ายร่างกาย แต่ตลอดระยะเวลาที่คบหาดูใจกันมาได้ 3 ปี แฟนหนุ่มไม่ได้มีปัญหากับใคร ไม่ได้มีคู่อริ ไม่ได้ออกบ้านไปไหนนอกจากไปทำงาน จะอยู่บ้านช่วยตนดูแลเลี้ยงลูก ทั้งนี้ตนขอไม่ปรักปรำใคร และในวันนี้ตนได้ดูกล้องวงจรปิดแล้ว แฟนหนุ่มมีอาการคล้ายกับวูบ แต่ตนยังไม่ปักใจเชื่อว่าแฟนหนุ่มไม่ได้ถูกใครทำร้ายร่างกาย เพราะตนยังไม่ได้ไล่กล้องวงจรปิดดูทั้งหมด และต้องรอผลวินิจฉัยของแพทย์อีกครั้ง
เบื้องต้นอาการของแฟนหนุ่ม มีเลือดออกภายในสมองหลายจุด ทำให้สมองบวม ก้านสมองตาย เนื่องจากขาดออกซิเจนนาน ไตพัง และได้รับบาดเจ็บช่วงบริเวณใบหน้า และแขนซ้ายถลอก ตอนนี้ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งตนก็ทำใจไว้แล้วว่าแฟนหนุ่มอาจจะเสียชีวิต ขณะนี้ตนก็ต้องสู้ต่อไป เพราะเสียเสาหลักของครอบครัวไปแล้ว ตนต้องออกไปหางานทำ เพื่อดูแลลูกชาย 2 คน โดยคนโตวัย 1 ขวบ 6 เดือน และคนเล็กเดือนกว่า ๆ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายพราธร ธรรมกร อายุ 42 ปี พนักงานขาย บริษัทเสริมสุข สาขาบางเขน เปิดเผยว่า บริษัทเสริมสุข (สาขาบางเขน) หากจะมีการรับพนักงานส่วนใหญ่ จะต้องรับพนักงานที่มีอายุมากกว่า 21 ปีขึ้นไป หรือพ้นสภาพการเกณฑ์ทหารมาแล้ว เนื่องจากทาง HR ในบริษัทจะมีความกังวล หากมีการเรียกตัวไปช่วยรับราชการทหาร อาจจะมีผลกระทบกับพนักงานภายในบริษัท ส่งผลให้บริษัทขาดคนทำงาน ทางบริษัทจึงเน้นรับบุคคลที่มีอายุมากกว่า 21 ปีขึ้นไป
ส่วนในกรณีของผู้บาดเจ็บรายดังกล่าว จากข้อมูลแล้วทราบว่า มีอายุเพียง 18 ปี ทำให้ตนก็ยังคงมีความสงสัยว่า จะทำงานอยู่ในบริษัทเสริมสุขจริงหรือไม่ เดี๋ยวจะต้องรอส่งชื่อไปทาง HR อีกครั้งว่าผู้บาดเจ็บอยู่แผนกอะไร แต่ต้องรอในวันที่ 30 ธ.ค.63 เนื่องจากขณะนี้เป็นเวลาเลิกงานของพนักงานแล้ว จึงไม่มีคนสามารถให้ข้อมูลใด ๆ ได้
อีกทั้งตนก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้บาดเจ็บรายดังกล่าวมาก่อน เนื่องจากภายในบริษัทมีพนักงาน ทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงมีแผนกการทำงานหลายแผนกด้วยกัน จึงอาจไม่เคยเห็นหน้ากัน อย่างไรก็ตามปมเหตุที่เกิดขึ้นตนก็ไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดว่ามีความเป็นมาอย่างไร แต่จากการติดตามกระแสข่าวในโซเชียลฯ ก็พบรูปของผู้บาดเจ็บมีลักษณะคล้ายร่องรอยเหมือนถูกรุมทำร้าย เพราะบริเวณใบหน้าบวมช้ำหนักมาก เกินกว่าที่จะเป็นอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม
ทั้งนี้ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงข้อสงสัยของตนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคดี หากผู้บาดเจ็บมีกลุ่มคู่กรณีรุมทำร้ายจริง ก็ต้องไปตรวจสอบไล่ดูกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่าง ๆ อาจได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม แต่หากเป็นเรื่องประสบเหตุด้วยตนเองนั้น ก็ต้องว่าไปอีกเรื่องหนึ่ง ว่าทางครอบครัวจะดำเนินการต่ออย่างไร
สุดท้ายนี้ตนมองว่า หากผู้บาดเจ็บ ถูกคู่กรณีทำร้ายจริงก็เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและรุนแรงเกินไป ในฐานะเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกัน ตนก็อยากจะฝากถึงบุคคลทั่วไป หากมีปัญหาทะเลาะกันควรพูดคุยกันดี ๆ เนื่องจากหวั่นเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวซ้ำอีก
