กรณีตำรวจ สภ.แก่งกระจาน รับแจ้งเหตุพบศพบุคคลถูกฆ่าเผา พร้อมรถจักรยานยนต์ภายในป่าละเมาะหมู่ 4 บ้านโป่งตาเพชร ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ และประสานอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างสรรเพชญธรรมสถาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางหลวงเพชรบุรี ร่วมกันตรวจสอบ
โดยที่เกิดเหตุเป็นป่าละเมาะห่างจากถนนบายพาสแก่งกระจาน-ยางชุม เข้าไปประมาณ 200 เมตร พบซากรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กธ 6326 นครปฐม ล้มตะแคงอยู่บนพื้นในสภาพถูกไฟเผาไหม้เกรียมไปทั้งคันทับศพผู้หญิง ซึ่งถูกไฟเผาทั้งร่างจนดำเป็นตอตะโก ใกล้กันพบนาฬิกาแบบผู้หญิง 1 เรือน เศษกระดูกกระจายไปทั่วบริเวณ
จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะเป็น น.ส.กัญญาภัค หรือ ผึ้ง อายุ 46 ปี ชาว อ.แก่งกระจาน ซึ่งเป็นบุคคลที่ญาติแจ้งความไว้ว่า หายตัวออกจากบ้านเมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานนายสันติ ชาติทอง ผู้เป็นสามี อายุ 46 ปี ให้มาตรวจสอบ เบื้องต้นนายสันติ จดจำนาฬิกา และลักษณะรถจักรยานยนต์ได้ อีกทั้งยังยืนยันว่าศพที่พบคือ น.ส.กัญญาภัค ภรรยาตัวเอง ส่วนสาเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน
ล่าสุดวันที่ 16 พ.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.แก่งกระจาน ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา นายอู่ทอง พรายแขวง อายุ 44 ปี ชาว ต.วังไคร้ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาลอบฝังซ่อนเร้นย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย พร้อมด้วยของกลาง คือ มีดสั้น 1 ด้าม ที่ใช้ปาดคอและแทงผู้เสียชีวิต มีดง้าว 1 ด้ามที่ใช้ขู่ รถจักรยานนต์สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 1 คัน
ภายหลังสามารถจับกุมนายอู่ทองได้ เบื้องต้นรับสารภาพว่า ต้องการชิงทรัพย์ แต่ผู้เสียชีวิตขัดขืน จึงทำการฆ่าและเผาเพื่ออำพรางคดี ทีมข่าวได้เดิมทางไปยังบริเวณป่ารกร้างใกล้ไร่สับปะรด บริเวณพื้นที่บ้านโป่งตาเพชร ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี พบว่าที่เกิดเหตุยังหลงเหลือหญ้าที่เผา ไม่มีเศษกระดูก
โดยนายอู่ทอง รับสารภาพว่า ขณะที่ตนขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนเลี่ยงเมืองแก่งกระจาน-หนองหญ้าปล้อง ได้พบกับน.ส.กัญญาภัค ขี่รถจักรยานยนต์อยู่บนถนนสายดังกล่าวเช่นกัน จึงขี่ประกบตีคู่จากนั้นเอื้อมมือบิดกุญแจรถเพื่อให้หยุดรถ แล้วบังคับให้เหยื่อขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในป่า แล้วตนก็ใช้เสื้อมัดมือทั้ง 2 ข้างติดกับแฮนด์รถจักรยานยนต์
จากนั้นได้บังคับให้เหยื่อขี่รถเข้าไปในป่า ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 60 เมตร จากนั้นลงมือปลดทรัพย์สินออกมาทั้งหมด แต่ขณะนั้นนางกัญญาภัค มีเงินติดตัวจำนวน 800 บาท แล้วร้องขอชีวิต จนจึงได้ใช้มีดปลายแหลมแทงเข้าที่ด้านหลัง จำนวน 1 แผล แล้วใช้มีดเล่มเดียวกันปาดคอถึง 2 ครั้ง จนร่างของนางกัญญาภัคแน่นิ่ง จึงได้นำรถจักรยานยนต์ทับร่างแล้วเขย่ารถจนน้ำมันไหลออกมา แล้วตัดสินใจเผาทั้งรถทั้งคนทิ้งกลางป่า จากนั้นจึงได้หลบหนีจนมาถูกจับดังกล่าว
ทั้งนี้ตลอดการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ มีชาวบ้าน ญาติสนิท พร้อมด้วยมารดาของนางกัญญาภัค เข้ามาดูเหตุการณ์ พร้อมกันพูดสาปแช่งผู้ต้องหาต่าง ๆ โดยมารดาของนางกัญญาภัค เผยว่า อยากให้ผู้ต้องหาได้รับโทษประหารชีวิต เนื่องจากที่ผ่านมาได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่สำนึกผิด จึงขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
ประวัติอาชญากรรมของนายอู่ทอง พรายแขวง ในปี 55 ก่อคดีครอบครองยาเสพติด ถัดมาในปี 56 ก่อเหตุชิงทรัพย์ จำนวน 3 ครั้ง และต.ต.56 ก่อเหตุชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลตัดสิน จำคุก 25 ปี 6 เดือน 15 วัน ซึ่งเพิ่งจะพ้นโทษวันที่ 5 ม.ค.63 ที่ผ่านมา กระทั่งวันที่ 8 พ.ย.63 ได้ก่อเหตุฆ่าปาดคอชิงทรัพย์ น.ส.กัญญาภัค และเผาศพอำพรางคดี
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพื้นที่ ต.พุสวรรค์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีโอกาสพูดคุยกับนายสันติ ชาติทอง อายุ 46 ปี ผู้เป็นสามี กล่าวว่า ตนรับไม่ได้กับคนที่ทำผิดซ้ำซากแบบนี้ ไม่น่าจะได้รับการพ้นโทษและออกมาก่อเหตุ จนไปฆ่าภรรยาของตนเช่นนี้ ดังนั้นจึงอยากจะให้รอบนี้รับโทษประหารชีวิตไปเลย เพราะเหมือนเขาไม่สำนึกแม้แต่น้อย แม้ตนจะตกเป็นผู้ต้องสงสัย ตนไม่ติดใจอะไร แต่อยากให้คนที่ฆ่าภรรยาได้รับโทษอย่างสาสมที่สุด
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางมายังร้านร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.วังไคร้ อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นร้านคาราโอเกะที่ผู้เสียชีวิตทำงาน ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณน้ำหอม (นามสมมติ) อายุ 41 ปี เพื่อนร่วมงานของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้ ตนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในวันวันนี้ (16 พ.ย.63) ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพาคนร้ายไปทำแผน ตนไปไม่ทันแต่อยากถถามว่า ทำไมใจร้ายโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็น หรือรู้จักคนร้ายมาก่อน และไม่เคยเห็นว่าคนร้ายมาทานอาหารที่ร้าน
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า เส้นทางกลับบ้านของผู้เสียชีวิตนั้นเปลี่ยว ไม่มีเสาไฟฟ้า หลังจากเกิดเหตุการณ์ก็รู้สึกกลัว แต่ยังไม่ได้มีแผนตั้งรับ เพราะตนได้พักอาศัยอยู่ในร้าน ไม่ค่อยได้ออกไปไหน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ตาม หากมีโอกาสได้พูดกับผู้เสียชีวิต ตนขอให้ไปสู่สุคติ ส่วนลักษณะนิสัยของผู้เสียชีวิตนั้น เป็นคนร่าเริง ขณะทำงานหรือกลับบ้านไม่ได้สวมใส่สร้อยคอ หรือของมีค่า และฝากบอกให้คนร้ายก่อเหตุเป็นครั้งสุดท้าย กลับตัวกลับใจ อย่าไปกระทำกับผู้อื่นอีก
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา เปิดเผยว่า คดีเผาสาวคาราโอเกะที่ตนไปทำพิธี คือ พิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณให้คนตายหลุดพ้นจากจุดเกิดเหตุ ขณะเดียวกันเมื่อทำพิธีเสร็จแล้ว ตนกลับมาถึงบ้านก็ไม่ได้สัมผัสอะไรอีกเลย เพราะงานเยอะมาก เยอะจนไม่มีเวลาฝันถึงใคร ร่างกายอ่อนเพลีย แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่ง วันที่กลับมาจากทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาน ได้มีกลิ่นเหม็นตามมาถึงบ้าน
ทั้งนี้ตนเคยบอกว่า คดีนี้ไม่พ้นมือเจ้าหน้าที่ สุดท้ายตำรวจก็จับคนร้ายได้จริง ๆ แต่ที่จับคนร้ายได้ไม่เกี่ยวอะไรกับหมอปลา แต่เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่ไปจับกุมคนร้ายนั้นเก่งจริง ๆ ตนช่วยเพียงเรื่องพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณเท่านั้น
