พิรุธอื้อ! ศพถูกเผาคาซากรถ เจ้าของที่ดินงงคนบุกรุกนำรถจอดไม่ขอ (คลิป)

กรณี ร.ต.อ.นิพล นีสันเทียะ ร้อยเวร สภ.วังน้ำเขียว ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน บ้านวังไผ่ หมู่ 12 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่ามีเหตุรถ 6 ล้อถูกไฟไหม้ และพบศพที่คาดว่าเป็นนายสมาน แฟสันเทียะ อายุ 59 ปี ชาว ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ถูกไฟคลอก เสียชีวิตอยู่ภายในรถ

จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฮุก 31 พร้อมด้วยรถดับเพลิงจาก อบต.วังน้ำเขียว ไปที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ 6 ล้อสีฟ้า เลขทะเบียน 87-5247 นครราชสีมา บรรทุกปั๊มลมเจาะน้ำบาดาล ถูกไฟไหม้วอดทั้งคัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้ใช้สายยางฉีดดับไฟ

หลังจากดับไฟได้แล้ว เข้าไปตรวจค้นบริเวณด้านหน้าเบาะคนขับรถ พบร่างนายสมาน อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 5 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว นอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพถูกไฟไหม้เกรียม จนดำเป็นตอตะโก ค้นบริเวณใกล้เคียงพบกระเป๋าสัมภาระของผู้เสียชีวิต จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่จากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 เข้ามาตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม

สยอง! ลุงเฝ้ารถถูกทุบหัวเผาคาซาก เพื่อนเผยพิรุธขับรถไม่เป็นแต่เจอไกลจุดจอด 10 เมตร

ส่วนมูลค่าความเสียหาย ทีมข่าวได้ข้อมูลจากเจ้าของรถ 6 ล้อและอุปกรณ์ เจาะบ่อที่ได้รับความเสียหาย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า มูลค่าความเสียหายตอนนี้กว่า 9 แสนบาท และมั่นใจไม่มีเรื่องขัดผลประโยชน์กับใคร อยากให้ตำรวจตรวจสอบคลี่คลายคดีโดยเร็ว

ล่าสุดวันที่ 16 ก.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตบริเวณ บ้านเลขที่ 110 หมู่ 5 ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางล่า แฟสันเที้ยะ อายุ 83 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิต คือ นายสมาน ปกติแล้วลูกชายเป็นคนดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่ลูกชายเป็นคนสติไม่ดี เนื่องจากเมื่อ 10 ปีก่อน ลูกชายประสบอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ ทำให้ต้องรับการผ่าตัดสมอง ตั้งแต่นั้นมาลูกชายก็กลายเป็นคนสมองช้าไปโดยปริยาย

วันเกิดเหตุ ตนไม่ทราบรายละเอียดอะไรมาก รู้เพียงว่าช่วงเวลา 16.00 - 17.00 น. นายจ้างได้มารับลูกชายที่บ้าน ให้ไปทำงานเฝ้ารถบรรทุกปั๊มลมเจาะน้ำบาดาล ที่บริเวณบ้านวังไผ่ เลขที่ 62 หมู่ 12 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา มาทราบข่าวอีกที่ก็เช้าวันที่ 15 ก.ย.63 ทางนายจ้างได้โทรมาบอกว่า ลูกชายถูกไฟไหม้เสียชีวิตอยู่ภายในรถบรรทุก ตนก็ทำอะไรไม่ถูก

หลังจากเกิดเหตุ ตนก็ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วการที่ลูกชายเสียชีวิตมีความเป็นมาอย่างไร แต่ตนยังคงติดใจกับการเสียชีวิตของลูกชาย เนื่องจากลูกชายขับรถไม่เป็น แต่กลับไปเสียชีวิตบนรถ และมีร่องรอยเหมือนถูกของแข็งทุบที่บริเวณกะโหลกศีรษะ จึงมีความเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ทั้งนี้หากมีคนฆ่าลูกชายของตนจริง ตนก็อยากจะถามว่า "ทำแบบนี้ทำไม" พรัอมทั้งอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 

หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุบริเวณบ้านวังไผ่ เลขที่ 62 หมู่ 12 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พบว่าภายในจุดเกิดเหตุ ยังคงมี Police line กั้นบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ กันคนนอกเข้าพื้นที่

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางพยุง แก้วไกลวรรณ อายุ 53 ปี เจ้าของที่ดินจุดเกิดเหตุที่ได้เดินทางมาดูที่ดินของตัวเองในวันนี้ เปิดเผยว่า ปกติหลานชายจะอยู่บ้านร้างหลังนี้ แต่เมื่อ 2-3 ปีให้หลังมานี้ ก็ไม่ค่อยได้มาอยู่แล้ว เพราะเพิ่งจะคบกับภรรยาชาวลาว ซึ่งก็จะมาบ้านหลังนี้บางสัปดาห์ ส่วนช่วงวันเกิดเหตุหลานชายมานอนที่บ้านหลังนี้ ก่อนจะออกไปตัวเมืองโคราช พร้อมยืนยันว่าหลานชายไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง แม้จะอยู่ในที่เกิดเหตุเป็นคนสุดท้าย โดยตอนนี้ตนก็ยังไม่สามารถติดต่อหลานชายได้

ส่วนที่ดินที่เกิดเหตุ นางพยุง ยอมรับว่า มีปัญหากับทางผู้นำชุมชนในพื้นที่จริง เนื่องจากตนไม่รู้เรื่องมาก่อนที่มีรถบรรทุกลมขุดเจาะน้ำบาดาลมาจอด และมาขุดเจาะในพื้นที่ของตน ตนไม่ยินยอมและเข้าแจ้งความกับทางตำรวจไว้แล้ว โดยในวันเกิดเหตุวันที่ 14 ก.ย.63 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.00 น. รถบรรทุกลมขุดเจาะน้ำบาดาลได้มาจอดที่ข้าง ๆ บ้านร้างในพื้นที่ตน ก่อนที่ในช่วงกลางคืนที่นายสมานเข้ามาเฝ้ารถนั้นจะเสียชีวิต ในส่วนการเสียชีวิตตนก็สงสัยและติดใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคนร้ายต้องเผาคนในรถ

แต่อีกส่วนหนึ่ง ตนก็รู้สึกเสียความรู้สึกที่ผู้นำชุมชน เอารถบรรทุกลมขุดเจาะน้ำบาดาลมาจอด แล้วยังมีคนตายในพื้นที่ของตนด้วย พร้อมยืนยันว่าจะไม่ขายที่ เพราะที่ดินผืนนี่เป็นพื้นที่เก่าแก่ ประมาณ 7 ไร่

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายพงษ์ศิลป์ สายแสน อายุ 36 ปี ลูกชายนายจ้าง รถบรรทุกปั๊มลมเจาะน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ปกติแล้วตนได้ให้นายสมาน มาช่วยเฝ้ารถบรรทุกปั๊มลมเจาะน้ำบาดาล เนื่องจากอยากจะช่วยเหลือนายสมาน เพราะนายสมานเป็นคนที่สติไม่ค่อยดี เคยประสบอุบัติเหตุต้องผ่าตัดสมอง จึงออกแรงได้ไม่มากหนัก ทางครอบครัวจึงจ้างให้มาช่วยเฝ้ารถเป็นรายวัน วันละ 300 - 350 บาท/งาน หากมีงานขุดเจาะบาดาลเข้ามา เสมือนเป็นการช่วยให้นายสมาน มีรายได้

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ก.ย.63 เวลาประมาณ 08.00 น. ตนและลูกน้องก็ได้เริ่มทำงานขุดเจาะบาดาล บริเวณจุดเกิดเหตุตามที่ผู้นำชุมชนได้ว่าจ้างมา จนถึงเวลา 18.00 น. เลิกงาน ตนก็ได้ให้นายสมาน มาเฝ้ารถบรรทุกเจาะบาดาล ตามปกติเหมือนทุกครั้ง เหตุเกิดช่วง 01.00 - 02.00 น. ไม่มีใครทราบ กระทั่งตนมาทราบข่าวเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 ก.ย.63 หลังเกิดเหตุ โดยมีพระ-ชาวบ้านไปพบเห็น รถบรรทุกที่จอดอยู่ภายใจเกิดเหตุ เกิดเพลิงลุกไหม้ จึงโทรมาแจ้งให้ตนเองทราบ

เมื่อตนทราบเรื่อง จึงรีบเข้าไปตรวจสอบ พบว่ารถบรรทุกของตนอยู่ในสภาพไหม้ทั้งคันรถ อีกทั้งยังพบศพของ นายสมาน ถูกไฟเผาไหม้ อยู่ในสภาพไหม้ เหลือแต่ท่อนบนและกะโหลก นอกนั้นไหม้เกรียมหมด อยู่บริเวณเบาะคนขับ ตนจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ส่วนปมเหตุที่เกิดขึ้น ตนคาดว่าไม่น่าจะเกิดจากเครื่องยนต์ของตัวรถเกิดขัดข้อง และเกิดเพลิงไหม้เอง แต่น่าจะเกิดจากการฆาตกรรม เนื่องจากตัวรถบรรทุก เลื่อนออกจากจุดจอดประมาณ 6-10 เมตร ลักษณะเหมือนขยับรถ เพราะตัวรถที่ถูกมัดพ่วงด้วยสายลมเชื่อมกันไว้ รถจึงไม่สามารถถูกเคลื่อนย้ายออกไปได้ อีกทั้งนายสมาน ก็ยังขับรถไม่เป็น และก็ไม่ได้มีนิสัยชอบไปนอนบนรถ สภาพศพยังมีร่องรอยการถูกทุบตีด้วยของแข็งจนกะโหลกศีรษะยุบ

จึงทำให้ตนเองมั่นใจว่าน่าจะเกิดจากการฆาตกรรม เพราะทางตัวนายสมาน และครอบครัวของตนเอง ก็ไม่เคยมีปัญหากับใคร จึงคิดว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรมเพื่อหวังขโมยรถ แต่ประเด็นที่แน่ชัดก็ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าปมเหตุที่เกิดขึ้นมีความเป็นมาอย่างไร

หลังเกิดเหตุ ตนก็รู้สึกเสียใจที่นายสมาน ต้องมาเสียชีวิตอย่างกะทันหันแบบนี้ อีกทั้งรถของตนก็ต้องมาเสียหายจากการถูกไฟไหม้ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย จำนวน 9 แสนบาท ทั้งนี้หากเป็นไปได้ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพื่อรับกรรมตามความผิด