จากกรณีญาติของนายชาลิต ขุนรักษ์ ร้องขอความเป็นธรรมหลังจาก นายชาลิต ขุนรักษ์ อายุ 33 ปี อยู่บานเลขที่ 96 ม.4 ต.นาท่อม อ.เมือง จ.พัทลุง ถูกค้นร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้ไม้หน้าสามตีจนเสียชีวิต ขณะนำอาหารให้สุกรภายในฟาร์ม ในพื้นที่ ต.โคกชะงาย โดยเหตุเกิด เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 63 หลังจากนั้น มีนักการเมืองท้องถิ่นโทรศัพท์เข้ามาข่มขู่ ห้ามไม่ให้เอาเรื่องกับผู้ก่อเหตุ
ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 18 พ.ค. 63 บ้านของพยานในคดี โดนคนร้ายแอบเข้าไปลักลอบเผาจนได้รับความเสียหาย โดยพยานให้ปากคำว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆ่านายชาลิต หลังเกิดเหตุกลับมาบ้านเห็นถอดถุงมือ ถอดเสื้อผ้าที่เปียกออก จึงทำให้เป็นที่น่าสงสัย
ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตนำร่างเผา แต่พบว่าส่วนเนื้อที่รอยสักยันต์ 9 ยอดด้านหลังนั้นไม่ไหม้ตามไปด้วย หลังใช้เวลาเผากว่า 5 ชม. จึงเชื่อว่าเป็นอาคมจากรอยสัก
วันที่ 19 พ.ค. 63 นางสุปรียา อินยอด อายุ 32 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ปกติสามีเป็นคนทำมาหากิน รับจ้างเลี้ยงหมูภายในฟาร์ม ท้องที่ ต.โคกชะงาย โดย 1 เดือนก่อนหน้านี้ มีคนแจ้งว่าสามีมีอาวุธปืนผิดกฎหมาย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.โคกชะงาย เข้าจับกุมและถูกดำเนินคดี อยู่ในระหว่างการประกันตัว
ส่วนอาวุธปืนเป็นอาวุธปืนที่มีทะเบียนเป็นของเจ้าของฟาร์มสุกรให้ไว้พกพาเพื่อดูแลฟาร์มสุกร จนสามีสืบได้ว่าผู้ที่แจ้งเป็นสายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแจ้งเบาะแสเพื่อหวังเงินรางวัลนำจับ เมื่อสามีทราบก็สอบถามผู้ต้องสงสัย จนกระทั่งถูกฆ่าเสียชีวิตดังกล่าว
นางสุปรีดา ยังกล่าวอีกว่า ปกติสามีเป็นคนชอบสักตามลำตัว แต่หลังจากได้ห้อยพระปิดตามหาอุด ที่พระอาจารย์สำนักสงฆ์ควนไม้บ้อง จ.นครศรีธรรมราช ให้มา ทำให้สักไม่เข้า
และเป็นที่ทราบของกลุ่มเพื่อน ๆ จนเชื่อว่าคนร้ายคิดว่าถ้าใช้อาวุธอื่นทำร้ายคงไม่เสียชีวิต จึงใช้ไม้กระหน่ำตีจนเสียชีวิตอย่างอนาถ และพระปิดตาองค์ดังกล่าวก็หายไปด้วย ซึ่งตามความเชื่อพระเนื้อผง ผู้บูชาครอบครองจะคงกระพันชาตรีฟันแทงไม่เข้า
