จากกรณีด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก หมู่ที่ 2 บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งครอบครัวเร่งออกค้นหาจนมึดค่ำ จนกระทั่งพบศพน้องอยู่กลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านราว 5 กม.
โดยผลชันสูตรรอบเเรกจาก รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ระบุว่าไม่มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศ และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย ญาติจึงร้องขอให้ส่งศพมาชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้งที่ รพ.ตำรวจ
อ่านเพิ่มเติมข่าวน้องชมพู่
- ผลชันสูตรรอบสอง "น้องชมพู่" พบบาดแผลที่อวัยวะเพศ และร่องรอยถูกทำร้าย
- สลดเจอ “น้องชมพู่” 3 ขวบกลายเป็นศพสภาพเปลือย พ่อแม่ปล่อยโฮ ญาติคาดถูกชายเพี้ยนย่ำยี
- สุดแปลก! วันหาตัว “น้องชมพู่” พ่อเดินเฉียดศพ กลับไม่เห็น แม่แค้นลั่นอยากฆ่าคนอำมหิต
- เจอ 4 หลักฐานใหม่ใกล้ศพน้องชมพู่ คาดคนอุ้มตัวพักในป่า แม่ชี้ญาติไม่ฆ่าเด็ก
- พิสูจน์เส้นทางซ่อนศพน้องชมพู่ เจอวางร่างบนผาสูง 2 ม. ชี้คนอุ้มเป็นชายกำยำ
ล่าสุดวันที่ 18 พ.ค.63 ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเต้ย (นามสมมติ) ผู้ต้องสงสัยรายที่ 6 ซึ่งพบว่าขณะคุยกับทีมข่าว มีอาการตอบโต้ช้าเล็กน้อย ตามคำบอกเล่าของญาติว่าติดอ่าง เปิดเผยว่า ตนถูกเรียกไปสอบปากคำจริง โดยมีการสอบถามตนว่าในวันเกิดเหตุตนไปอยู่ที่ไหน ซึ่งตนยืนยันว่าตนอยู่ที่บ้านไม่ได้ไปไหน ไม่ได้เข้าไปหาน้องชมพู่ที่บ้าน
ตนยอมรับว่าวันที่เกิดเหตุ ตนเห็นน้องชมพู่เดินมาซื้อของ ซึ่งตนไม่เห็นใครแปลกหน้าตามน้องมา ตนก็ไม่ได้ตามน้องไป ที่ผ่านมาก็เห็นน้องมาซื้อของเป็นประจำ ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ก่อเหตุ และไม่ได้ทำร้ายน้องแน่นอน ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับบ้านน้องชมพู่ “ผมไม่ได้ทำอะไร” ปกติตนรับจ้าง ทำนา ทำสวน
ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่ได้ตามน้องไปที่บ้าน ไม่ได้พาน้องไป หลังเกิดเหตุก็ไปช่วยชาวบ้านออกตามหาน้องชมพู่ทุกวันจนวันเจอศพ แต่ตนไม่ใช่ทีมที่ไปค้นหาที่เขาภูเหล็กไฟ ส่วนการขึ้นเขาภูเหล็กไฟ ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยขึ้นเพราะไกล หากไปก็คงเหนื่อย จึงเลือกที่จะไม่ไป
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้เครียดอะไร ตำรวจถามตนก็ตอบทุกอย่าง พร้อมให้ความร่วมมือ ยอมรับว่าน้อยใจอยู่บ้างที่ตนตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ทีมข่าวได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กกตูม มีการเรียกตัวชาวบ้านในชุมชน ซึ่งระบุว่ามีประวัติเสพยาเสพติด ซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงัสยเพิ่มเติม เป็นรายที่ 9 ไปสอบปากคำ โดยทราบชื่อ นายเฉลิม (สงวนชื่อ-สกุลจริง)
นายเฉลิม เปิดใจว่า ตนถูกสอบปากคำตั้งแต่เมื่อวานนี้ช่วงเช้า โดยตำรวจมาเชิญตัวไปสอบ ไปไม่ได้บอกว่าตนเป็นผู้ต้องสงสัยอะไร เพียงแต่สอบถามว่าตนอยู่บ้านตลอดหรือไม่ในวันที่ 11พ.ค.63 ตนยืนยันว่าตนอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน นอนอยู่แต่ภายในบ้าน ยอมรับว่าเคยเจอน้องชมพู่ ตนไม่เคยมีปัญหากับพ่อแม่ หรือครอบครัวของชมพู่ ซึ่งรู้จักกันปกติ
หลังเกิดเรื่องตนก็ทราบว่าชมพู่หายไป ตนยังออกไปช่วยตามหาตลอด 4 วัน ตนก็ได้เดินขึ้นไปที่เขาภูเหล็กไฟ แต่ไม่ใช่ชุดเจอศพ ตนไม่ได้เครียดอะไร ไม่ได้คิดมาก พร้อมให้ความร่วมมือ ยอมรับว่าตนมีประวัติเสพยาเสพติดจริง แต่เลิกเสพมานานแล้ว ซึ่งเหตุผลนี้น่าจะเป็นเหตุที่ตำรวจนำตัวตนไปสอบปากคำ
ทั้งนี้ตนไม่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ทำแน่นอน ตนยังคิดว่าสิ่งที่คนร้ายทำเกินไป เพราะบ้านเราไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าทั้งหมดที่ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวคือความจริง ตนมีสติครบถ้วน
อย่างไรก็ตามพิกัดที่อยู่ผู้ต้องสงสัย ที่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ สามารถจำแนกออกมาได้ดังต่อไปนี้
นายแอ๋ม ผู้ที่ไปพบที่ด่านตรวจคัดกรองโควิด-19 แยกเต่างอย ซึ่งเป็นจุดที่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ ระยะทาง 5 กม. ส่วนนายอ๊อด บ้านอยู่ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 500 เมตร ด้านนายสมคิด อยู่ห่างออกไปเพียง 250 เมตร ขณะที่บ้านนายกาย น้องชายของพ่อผู้เสียชีวิต อยู่ห่างออกไป 10 กม. และนางอุไรภรณ์ น้องสาวแม่ผู้เสียชีวิต ซึ่งบ้านอยู่ติดกัน
สำหรับพิกัดที่อยู่ผู้ต้องสงสัยรายใหม่ ได้แก่ นายเฉลิม บ้านห่างจากน้องชมพู่ ระยะทาง 250 เมตร ส่วนนายริน บ้านห่างจากน้องชมพู่ ระยะทาง 400 เมตร ขณะที่บ้านนายเต้ย บ้านห่างจากน้องชมพู่ ระยะทาง 200 เมตร และบ้านนายแต บ้านห่างจากน้องชมพู่ ระยะทาง 200 เมตร
ทีมข่าวลงพื้นที่ย้อนรอยตามจุดที่ระบุว่าน้องชมพู่ นั่งเล่นก่อนหายตัวไป ซึ่งอยู่หน้าบ้านของน้า ลักษณะเป็นหลุมดิน ตามคำให้การของ ด.ญ.แจม (นามสมมติ) พี่สาวน้องชมพู่ และจุที่มีต้นจำปา และมีเด็กวัย 7 ขวบในชุมชนเห็นเบาะแสคนอุ้มน้องชมพู่ ซึ่งห่างออกไปราว 100 เมตร จากจุดที่ขมพู่นั่งเล่นอยู่
ทีมข่าวลองยืนอยู่ที่บริเวณจุดที่ชมพู่นั่งเล่น หากมองมาจากจุดที่เด็กเล่นตรงตนจำปา พบว่าสามารถมองเห็นคนได้ แต่ลักษณะโดยละเอียดอาจจะไม่ชัดเจน เห็นเพียงสีเสื้อ รูปร่าง ซึ่งตรงกับคำบอกเล่าของเด็ก จุดนี้ยังสามารถมองทะลุไปยังป่ามันได้
