จากกรณีชาวบ้านป่ามะกรูด ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 4 คน หลงป่า ขณะขึ้นไปหาเห็ดและของป่าบนเทือกเขาลำพาด หรือเทือกเขาจอมปลวก ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ค. 63
ประกอบด้วย นางแดง ชัยชนะ อายุ 43 ปี, นายวิโรจน์ ชัยชนะ อายุ 45 ปี, นางทองรัตน์ กัญญาประสิทธิ์ อายุ 45 ปี และด.ช.ปัญญา น้อยอินทร์ อายุ 13 ปี ซึ่งได้ขึ้นไปหาของป่า บริเวณเทือกเขาลำพาด หรือเทือกเขาจอมปลวก
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เจอแล้ว 4 ชีวิตหลงป่าทุ่งแสลงหลวง
- 4 ชีวิตติดป่ารอด! เจอกองไฟกินผลไม้ยังชีพ กู้ภัยระทึกได้ยินเสียง "ช่วยด้วย"
- ปูพรมค้น 4 ชีวิตหลงป่า ญาติห่วงเด็กอดมีแค่ข้าว 1 ห่อ พรานหวั่นเจอหมี-อาถรรพ์
ล่าสุด วันที่ 17 พ.ค. 63 เฮลิคอปเตอร์บินค้นหาสังเกตเห็นกลุ่มควันไฟ ห่างจากจุดที่พบกองไฟ ริมลำห้วยปอยน้อย ประมาณ 4 กิโลเมตร พบผู้สูญหายทั้ง 4 คน และสุนัข 3 ตัวแล้ว อยู่ระหว่างการช่วยเหลือออกจากป่า ซึ่งญาติของผู็สูญหายเชื่อว่าการหัวตัวไปของทุกคน อาจมาจากสิ่งลี้ลับ หรืออาถรรพ์เครือเขาหลงในป่า
นายแคล้ว (นามสมมติ) อายุ 83 ปี อดีตนายพราน ได้นำเครือเขาหลงหรือผมนางไม้ให้ทีมข่าวดู ซึ่งนายแคล้วหามาได้จากป่า ซึ่งลักษณะเป็นเถาวัลย์คล้ายเส้นผมผู้หญิงถูกเก็บรักษาไว้ในขี้ผึ้ง มีทั้งสีดำและสีแดง ชาวบ้านมีความเชื่อว่าสีแดงเป็นเครือเขาหลงตัวผู้ ส่วนสีดำเป็นเครือเขาหลงตัวเมีย โดยสรรพคุณ หากใครมีติดตัวไว้ก็จะช่วยเรื่องเมตตามหานิยม และหากแช่น้ำแล้วเอามาดื่มก็เป็นยาที่รักษาอาการไข้ป่าได้
นายแคล้ว เปิดเผยว่า วันที่ไปตามหาเครือเขาหลงเมื่อ 8 ปีก่อน ตนได้เข้าป่าไปคนเดียว ตั้งใจว่าจะไปเก็บเครือเขาหลง โดยตนไปถึงต้นไม้ใหญ่ ลำต้นเป็นสีทอง และมีเครือเขาหลงที่เป็นเหมือนรากฝอยห้อยอยู่ตามต้น ตนจึงตัดและเก็บกลับมาจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อตนจะเดินออกจากป่า กลับหาทางออกไม่เจอ เดินไปก็เจอหน้าผา มองจากบนภูเขาก็เห็นหมู่บ้านป่ามะกรูด แต่ก็ไม่มีเส้นทางที่จะกลับออกมาได้ ทางก็จะวนกลับมาที่เครือเขาหลงถึง 3 รอบ
ซึ่งตนคิดว่าถ้าตนทิ้งเครือเขาหลงที่เก็บมา ก็คงจะพ้นอาถรรพ์และหาทางออกจากป่าได้ แต่ตนก็ไม่อยากทิ้ง จึงตัดสินใจนั่งคุกเข่าพนมมือต่อหน้าต้นไม้ ขอเจ้าที่เจ้าทางว่าจะขอเครือเขาหลงนี้ไปทำยา หลังจากนั้น ตนก็เดินทางกลับและพบทางออกจากป่า ใช้ประมาณครึ่งวันเท่านั้น
นายแคล้ว เล่าว่า อีกเรื่องที่ทำให้ตนไม่กล้าเข้าไปที่ถ้ำขุนอภัยกว่า 20 ปีแล้ว เพราะมีความเชื่อว่าในบริเวณถ้ำขุนอภัยนั้น มีเมืองลับแล เพราะตนเคยหลงป่าบริเวณนั้น เดินไปทางไหนก็วนกลับมาที่หน้าถ้ำเหมือนเดิม และขณะที่ตนพักเหนื่อยอยู่ ก็ได้ยินเสียงเหมือนตัวเองอยู่ท่ามกลางหมู่บ้าน มีเสียงคนพูดจอแจ แต่ฟังไม่ได้ใจความ แต่รอบตัวกลับไม่มีใคร เชื่อบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ที่ตั้งทับซ้อนกับเมืองลับแล และคนในเมืองลับแลก็มองไม่เห็นตน
เมื่อถึงช่วงค่ำ ตนเห็นลักษณะเป็นชายสูงใหญ่เหมือนคนโบราณนุ่งจงกะเบน มีผ้าคาดหน้าผากสีแดง คล้ายทหารโบราณ จำนวน 4-5 คน เดินแบกหอก ปรากฏตัวให้ตนเห็นกลางป่า ซึ่งตนพยายามเดินตามเข้าไปหา แต่เมื่อไปถึงที่ที่เขายืน พวกเขากลับหายไปและไปโผล่อีกที่ที่ไกลกว่าเดิม ตนหลงป่าอยู่ประมาณ 2 วัน จึงตั้งใจจิตอธิฐานขอขมาเจ้าป่า หลังจากนั้นตนก็หาทางเดินออกจากป่าได้
อย่างไรก็ตาม ป่าบริเวณถ้ำขุนอภัยนั้น จะเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เมื่อหลายปีก่อน เคยมีพระเดินไปธุดงค์และปักกรดในถ้ำขุนอภัย แต่สุดท้ายก็ต้องหนีไปเพราะอยู่ไม่ได้ ชาวบ้านก็รู้กันดีว่าไม่มีใครกล้าเข้าไปในป่าบริเวณนั้น เพราะเชื่อว่ามีผีป่าเยอะมาก
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือหลังออกจากป่า นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ แพทย์สังคมสื่อสารเพื่อคุณธรรม ให้ข้อมูลว่า คล้ายการช่วยเหลือ 13 หมูป่าออกจากถ้ำหลวงที่ จ.เชียงราย โดยขณะที่ลำเลียงผู้ป่วยออกมา จะมีการประเมินสัญญาณชีพ อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด และวัดอุณหภูมิร่างกาย ประเมินการขาดน้ำ เพราะมนุษย์ขาดน้ำได้ 3 วัน ขาดอาหารได้ 1-2 สัปดาห์
จากนั้น แพทย์จะเจาะเลือดดูความผิดปกติเพิ่มเติม เพื่อดูการขาดสารอาหาร เช็กความสมดุลในร่างกาย ตรวจหาโรคหรือสิ่งผิดปกติ อาทิ ไข้ป่า ไข้มาลาเรีย สัตว์มีพิษหรือแมลงต่าง ๆ กัด สำหรับระยะพักฟื้นในเด็กจะฟื้นตัวเร็วได้ดีกว่าวัยผู้ใหญ่
