จากกรณีโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ลำพูน ภายหลังจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้จัดงบประมาณจัดซื้อสิ่งของอุปโภคในครัวเรือน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้สูงอายุในพื้นที่ หวังเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่กลับถูกตั้งคำถามในเรื่องราคาที่เหมาะสม อีกทั้งสิ่งของที่นำไปแจกจ่ายนั้นเป็นของใช้ที่อาจจะยังไม่จำเป็นในสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่
โดยภายในถุงจะประกอบไปด้วย ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 1 ผืน ผ้าเช็ดหน้า 1 ผืน สบู่ 1 ก้อน แชมพู 1 ขวดเล็ก ยาสีฟัน 1 หลอดแปรงสีฟัน 1 ด้าม แก้ว จาน และถ้วยพลาสติกอย่างละ 1 ใบ ซ้อนซ่อม 1 คู่ เจลล้างมือ 1 หลอด หน้ากากผ้า 3 ชิ้น จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า ไม่ค่อยจำเป็นต่อการดำรงชีพ เพราะทุกบ้านมีเครื่องอุปโภคเหล่านี้อยู่แล้ว
แต่ขณะนี้สิ่งที่ชาวบ้านต้องการคือข้าวสารอาหารแห้ง หรือเงินสดที่สามารถนำมาใช้จ่าย อีกทั้งมีการตั้งข้อสังเกตว่า ราคาต่อชุดคือ 590 บาท อาจจะแพงเกินไปหรือไม่ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้หรือไม่ และคุ้มค่ากับเงินงบประมาณกว่า 16 ล้านบาทหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 20 เม.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ลำพูน ได้ร้องขอมาที่ อบจ. ให้จัดชุด CareSet ให้ผู้สูงอายุ ซึ่งในช่วงที่มีการร้องขอมานั้น เป็นช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ทางสำนักงานสาธารสุข จึงได้โฟกัสในการป้องกันผู้สูงอายุก่อน ประกอบกับช่วงที่มีมติอนุมัติจัดซื้อจัดจ้างนั้น เป็นช่วงที่การระบาดของโรค ดังนั้นชุด CareSet จึงเป็นสิ่งของเครื่องใช้เป็นหลัก เพื่อจะได้ไม่ให้ผู้สูงอายุใช้สิ่งของร่วมกันกับคนอื่น ซึ่งจะแตกต่างจากในช่วงที่เยียวยาที่ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง
ส่วนราคา 590 บาทที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าราคาแพงเกินไปนั้น ดร.นิรันดร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการจัดหา โดยมีคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างกำหนดราคากลางอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามข้อมูลในการจัดซื้อและราคาสิ่งของแต่ละชิ้น ประกอบด้วย ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ 1 ผืน ราคา 100 บาท ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็ก 1 ผืน 35 บาท สบู่ 1 ก้อน ราคา 15 บาท ยาสีฟัน 1 หลอด ราคา 12 บาท แปรงสีฟัน 1 ด้าม ราคา 15 บาท จานและถ้วยพลาสติกอย่างละ 1 ใบ ราคาใบละ 25 บาท ซ้อนซ่อม 1 คู่ ราคา 20 บาท แก้วน้ำพลาสติก 1 ใบ ราคา 10 บาท เจลล้างมือ 1 หลอด ราคา 50 บาท หน้ากากผ้า 3 ชิ้น ราาคา 45 บาท ซองพลาสติกใส่ของใบละ 10 บาท รวมภาษี 7%-25 บาท ค่าดำเนินการบวกกำไร 10% เป็น 36 บาท เป็นเงิน 423 บาทต่อชุด
รวมสิ่งของจำนวน 27,700 ชุด คิดเป็นราคาชุดละ 590 บาท ซึ่งสิ่งของดังกล่าวตามหนังสือประกาศผู้ชนะการเสนอราคาซื้อวัสดุ จำนวน 13 รายการ เพื่อจัดชุดของใช้ประจำวัน (CareSet) ตามโครงการป้องกันผู้สูงอายุกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ โดยวิธีการเฉพาะเจาะจงโดยเสนอราคา 16,343,000 รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น
โดยมีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำพูน และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดลำพูน เป็นหน่วยงานที่กำหนดสเปกสิ่งของดังกล่าว แล้วเสนอของบประมาณผ่าน อบจ.ลำพูน สิ่งของดังกล่าว อบจ.ลำพูน ได้มอบให้ทาง รพ.ส่งเสริมสุขภาพตำบลแต่ละตำบลไปแล้ว โดยให้ อสม. นำไปแจกให้กับผู้สูงอายุวัย 70 ปี ขึ้นไปทั่วจังหวัด
ขณะที่คุณยายท่านหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า ตนได้สิ่งของบริจาคมาจาก อบจ.ลำพูน เมื่อแกะออกมาก็มีผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว หน้ากากอนามัย ถ้วยและจานอย่างละใบ แต่ตนอยากได้เป็นข้าวสารหรือเงินช่วยเหลือมากว่ากว่า เนื่องจากสามารถนำไปใช้จ่ายได้
นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว ชี้แจงว่า กรณีที่มีการแชร์ตามสื่อฯ ออนไลน์ เรื่องการมอบ Care Set ให้กับผู้สูงอายุ 27,700 คนในจ.ลำพูน เมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเป็นการดำเนินการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน (อบจ.ลพ.) ได้สั่งการให้ชี้แจงข้อเท็จจริงภายใน 1 วัน หากพบการกระทำความผิด ไม่เป็นไปตามระเบียบ จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน ถ้ามีเงินของรัฐเสียหายไป จะต้องดำเนินการทางวินัยต่อไป
ทั้งนี้เหตุผลที่ไม่แจกข้าวสารอาหารแห้ง ขอเรียนชี้แจงว่าสืบเนื่องจากผู้สูงอายุวัย 70 ปี และเด็กอายุ 5 ขวบ เป็นกลุ่มที่จะได้รับมอบ Care Set ตามนโนบายหยุดอยู่ที่บ้านเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และในการพิจารณาสิ่งของในเรื่องนี้ ก็มีแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเสนอว่า ควรจัดสิ่งของที่มีความจำเป็นเหล่านี้ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้จำเป็นต้องอยู่แต่บ้าน
