ผับวอนรัฐเยียวยา หลังโควิดคลาย เผยรายได้สาวดริงก์สูญเป็นแสน แต่พร้อมช่วยชาติ

ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย สนามมวย สถานบริการ ผับ เป็นเวลา14 วัน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.63 ทำให้หลายคนเดือดร้อนโดยเฉพราะลูกจ้างรายวัน อาทิ เด็กเสริฟ์ พนักงานเชียร์เบียร์ แม่ครัว รวมไปถึงเจ้าของกิจการ นั้น

ล่าสุดทางทีมข่าวได้เดินทางไปที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านศาลายา พบว่าร้านดังกล่าวปิดให้บริการตามมาตรการของคณะรัฐมนตรี โดยน.ส.ฐิตาภา กินใบ เจ้าของกิจการ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่มีมติ ครม.ให้ปิดสถานบริการ ก็ได้รับการติดต่อประสานมาจากเจ้าหน้าที่ตนจึงปิดร้าน และจะปิดยาวไปอีก14 วัน ซึ่งนอกจากร้านตน ร้านอื่น ๆ ใกล้เคียงก็ปิดเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าร้านปิดทำให้เราขาดรายได้ ถึงแม้ว่าร้านปิด ไม่ต้องมีรายจ่ายในเรื่องสินค้า แต่ร้านยังมีรายจ่ายในเรื่องการเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ นอกจากนี้ต้องรับผิดชอบชีวิตลูกน้องอีก 10 คน ทั้งเด็กเสริฟ์ และแม่ครัว ซึ่งจ้างเป็นรายวัน ถ้าร้านปิดพวกเขาก็ไม่มีรายได้ ถึงแม้ว่ารัฐจะออกมาตรการช่วยค่าน้ำค่าไฟ แต่รอบบิลที่เบิกได้คือเดือนเมษายน แต่รอบปิดที่ร้านต้องปิดและขาดรายได้จะทำอย่างไร

แต่ในท้ายที่สุดเราก็เข้าใจรัฐบาลว่าต้องการควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ ทางร้านก็พร้อมให้ความร่วมมือ และอยากให้จัดการได้ในระยะ14 วัน เพราะอนาคตไม่รู้ถ้าควบคุมไม่ได้ อาจจะต้องปิดถาวร 

ด้าน นายเทภารักษ์ ยังมั่ง เด็กเสริฟ์ภายในร้าน เปิดเผยว่า ตนเรียนอยู่คณะรัฐศาสตร์ ปี 3 ย่างเข้าปีที่ 4 ทำงานที่ร้านได้ประมาณ 2 เดือน เพื่อหารายได้เสริมให้กับตัวเอง เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว แต่หลังจากร้านปิดก็เดือดร้อน ไม่มีเงินใช้ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร 

จากนั้น ทีมข่าวได้สำรวจสถานบันเทิงย่านลาดพร้าว-รามอินทรา พบว่าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี มีการปิดร้านเเละทำความสะอาด เช่น ร้านชายคาพักกาย ที่มีการปิดร้านตั้งเเต่เมื่อวาน โดยวันนี้พบว่ามีพนักงานบางส่วนกำลังทำความสะอาดร้าน

นายศิริวัฒน์ ทองไข่ พนักงานเสิร์ฟ บอกว่า ตนเองเป็นพนักงานเสิร์ฟ มีรายได้จากเงินเดือน เดือนละ 4,500 บาท เเละรายได้จากทิปที่ลูกค้าให้ วันละ 400-500 บาท เพราะตนเองเป็นผู้ชาย รายได้จะน้อยกว่าผู้หญิงมาก โดยรายได้เหล่านี้ตนเองนำมาเลี้ยงดูภรรยา ลูกน้อย เเละผ่อนรถมอเตอร์ไซด์ ซึ่งหลังจากร้านปิด รายได้เหล่านี้จะหายไปทั้งหมด เเต่ตนเองก็เห็นใจทางร้าน เข้าใจว่าร้านก็ลำบากเช่นกันในสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากนี้คงต้องหางานพิเศษอย่างอื่นทำไปก่อน เพราะเรื่องปากท้องรอไม่ได้

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) พนักงานพีอาร์ชงเหล้าของผับเเห่งหนึ่งย่านรามอินทรา บอกว่า ตนเองเป็นนักศึกษา และทำงานส่งตัวเองเรียน โดยหน้าที่คือชงเหล้า และดื่มเหล้ากับลูกค้า ลักษณะเป็นงานเอ็นเตอร์เทนลูกค้า โดยมีรายได้จากค่าดริ้ง และทิปจากลูกค้า โดยเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 บาท บางวันเคยได้มากถึง 8,000 บาท บางวันได้เป็นหมื่นก็มี โดยนำเงินไปใช้จ่ายและดูเเลพ่อแม่ หลังจากที่ผับปิด รายได้ทั้งหมดหายไป ตอนนี้อยู่ได้เพราะเงินเก็บ

ขณะที่ บรรยากาศ ของแผนกซูเปอร์ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านท่าพระ ทีมข่าวไปสำรวจ พบว่ามีประชาชน สวมใส่หน้ากากอนามัย เดินเลือกซื้อสินสินค้าอาหารแห้งตามปกติ แต่ที่สังเกตเห็นได้ชัดคือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบางตาลงไปมาก รองลงมาก็จะเป็นปลากระป๋อง ไข่ไก่ และข้าวสาร แต่ไม่ถึงกับหมด ส่วนของใช้ที่เลือกซื้อส่วนใหญ่พบว่าเป็นทิชชู