"ศรราม น้ำเพชร" ไม่หวั่นคำด่าแต่งพระเล่นลิเก - พระดังจี้จับพวกมารศาสนาดีกว่ามาดราม่า (คลิป)

15 ส.ค. 60
หลังจากที่ ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ได้โพสต์ภาพพระเอกลิเกคนดัง “ศรราม น้ำเพชร”สวมจีวรเล่นลิเก แล้วระบุว่า “ระดมความเห็นท่านๆคิดอย่างไรกับการแสดงแบบนี้!!!! ..ให้ท่านดูภาพนิ่งก่อนที่จะดูคลิปเต็มๆ พุทธศาสนิกชนโปรดแสดงความเห็นสุภาพ ขอขอบพระคุณทุกๆท่าน” ภายหลังพระเอกลิเกคนดัง "ศรราม น้ำเพชร" ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Sornram Aneklap" ว่า ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของคณะ ก็จะมาขอโทษต่อผู้ใหญ่ทุกๆท่านที่เห็นว่ามันไม่เหมาะสมไว้ ณ ที่นี่ด้วยนะครับ พร้อมบอกว่าโปรดทำความเข้าใจในการแสดงของเราด้วยนะครับ แต่อย่ามาดูถูกลิเกนะครับ เพราะลิเกคืออาชีพของพวกเรา ออกความคิดเห็นได้แต่ต้องสร้างสรรค์ ดูตามหลักความเป็นจริงด้วย #เอาเวลาไปจัดการกับปัญหาสังคมดีกว่าครับ อย่ามาเสียเวลาตรงนี้เลยครับ #ทีมลิเก
ศรราม น้ำเพชร ลิเกชื่อดัง
ล่าสุด วันนี้ (14 ส.ค. 60) นายศรราม น้ำเพชร เปิดใจกับทีมข่าวว่า ต้องขอขอบคุณท่านทนาย ที่มาเป็นกระจกสะท้อนให้ตนได้เห็นว่า การแสดงของตนเป็นอย่างไร แต่จริง ๆ แล้วการแสดงแบบนี้มีมาตั้งแต่โบราณ จุดประสงค์ตนคือการมอบความสุขให้กับผู้ที่ได้ดู คนที่ไม่เคยชมลิเก ก็อาจจะมองว่าลิเกเอาศาสนามาล้อเลียน แต่จริงๆทุกคนตั้งใจทำให้ทุกคนมีความสุข และคนที่มาชมแยกแยะออก และรู้ความตั้งใจว่าเป็นอย่างไร พร้อมขอขอบคุณทนาย ที่มาแสดงความคิดเห็น อะไรที่ไม่ดีก็จะปรับปรุง" ส่วนประเด็นที่มีคำวิจารณ์ว่ารู้สึกท้อหรือไม่นั้น ทางคุณศรราม เผยว่า "ตนมองว่า ลิเก คือ วัฒนธรรมที่สำคัญของไทย ตนเป็นวัยรุ่นที่เห็นว่าลิเกมีค่าพร้อมเปิดใจรับทุกคำติชม ไม่ได้ปิดกั้น แต่บางคนวิจารณ์เกิดเหตุและผล บางคนวิจารณ์ว่าตนเป็นลิเกชั่ว บางคนบอกว่าลิเกชอบหลอกไปเอาเงินแม่ยก ตนอยากให้ทุกคนใช้เหตุผลในการวิจารณ์ และตนยืนยันว่าจะรักษาลิเกต่อไปเรื่อยๆ คำชมเป็นแค่คำพูด คำดูถูกเป็นแรงผลักดัน ตนอาจไม่เห็นความบกพร่อง แต่คนดูก็อาจจะเห็นข้อบกพร่อง ตนมองว่าคนเก่งต้องพัฒนาต่อไป ก็ไม่ท้อและขอทำหน้าที่ต่อไป" อย่างไรก็ตาม ศรราม น้ำเพชร ชี้แจงอีกว่า  "จุดที่ตนเอามาเป็นประเด็นคือเรื่องศาสนา ตนมองว่าคนดูแยกออก อยากให้ทุกคนมาส่งเสริมดีกว่า ส่งเสริมให้ลิเกไปได้ไกล เหมือนกับการแสดงโขน พร้อมขอขอบคุณที่วิจารณ์ และยืนยันที่จะรักษาสิ่งที่ล้ำค่าของไทยเอาไว้ให้ได้มากที่สุด และไม่มีชาติไหนเลียนแบบได้ และคนที่มาติชม ให้ใช้หลักและเหตุผล เพราะตรงนี่คืออาชีพ เอาจริงตนเคยโดนว่าแรงกว่านี้ แต่ถ้าเราหันหน้ามาคุยกัน ใช้เหตุผลมาคุยกันดีกว่า"
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียน วัดสร้อยทอง
พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียน วัดสร้อยทอง เปิดเผยกับทีมข่าว ถึง ลิเก แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ว่า สำหรับเรื่องนี้แล้ว ต้องแยกออกเป็น 2 ประเด็น 1.การแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ด้วยการนำจีวรมานุ่งห่มนั้น เพื่อวัตถุประสงค์ เพื่อการหลอกลวง เป็นมิจฉาชีพ หรือไม่  2.แต่งกายเลียนแบบเพื่อการแสดง แต่งแบบคอร์สเพล ซึ่งมีใช้ในการแสดง ซึ่งมีทั้ง ลิเก หมอลำ อย่างกรณีดังกล่าว ตนมองว่าเป็นการแต่งกายเพื่อการแสดง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่ได้มีมานานแล้ว แต่ในสมัยก่อนอาจจะหาผ้าอย่างอื่นมาห่ม แต่ก็จงใจที่จะล้อเลียนพระสงฆ์ แต่ยุคสมัยนี้ก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงแต่งจีวร ซึ่งไม่เพียงวงการ ลิเก หมอลำ แต่ยังได้ก้าวกระโดด ไปยังวงการภาพยนตร์ ละคร เป็นการนำเอาความจริงมาสะท้อน ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะสร้างความตลก ขบขัน หรือล้อเลียน สร้างเสียงหัวเราะ หรือแม้แต่การนำธรรมะมาสอน เนื่องจาก ลิเก หมอลำ อยู่คู่กับการแสดงภายในวัด และยอมรับว่าการแสดงเหล่านี้ก็ยังนำรายได้เข้าวัดนำมาใช้บูรณะวัดได้อีกด้วย จึงไม่ควรนำประเด็นนี้มาดราม่า เพราะชาวบ้านเองสามารถแยกแยะได้ ส่วนบางคนที่จะแสดงความคิดเห็นว่าไปเหมาะสม ก็เป็นทรรศนะส่วนบุคคลห้ามกันไม่ได้ แต่ตนอยากให้มองที่เจตนามากกว่า และควรจะไปจับตาประเด็นที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์แต่กลับกลายเป็นมิจฉาชีพไปหลอกลวงเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่า อย่างไรก็ตาม พระมหาไพรวัลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ชาวพุทธจะต้องเปิดใจที่กว้าง ไม่ควรสถาปนาจีวรเป็นสิ่งศักดิ์แตะต้องไม่ได้ แต่จงดูที่แก่นแท้ ของพระพุทธศาสนาดีกว่า แยะแยะให้ออก เพราะหากมองจีวรว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว จุดนี้อันตรายมาก ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Sornram Aneklap

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ