ม.3 แฉต่อ! เล่ห์เหลี่ยมครูพละทำเด็กติด “ร” แถมยังหื่นใส่นร.สาว ผู้ปกครองจี้ไล่ออก

18 มี.ค. 67

 

ม.3 แฉต่อ! เล่ห์เหลี่ยมครูพละทำเด็กติด “ร” แถมยังหื่น ชอบมองเด็กสาว ผู้ปกครองจี้ต้นสังกัดไล่ออก ขณะที่ ผอ.รร.ลั่น ผิดจริงต้องลงโทษสถานหนัก 

จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์แฉเรื่องราว ครูพละชายรายหนึ่ง โรงเรียนในสังกัดของเทศบาลนครนครราชสีมา มีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินค่าแก้เกรดติด “ร” ติด “0” จากนักเรียนชั้น ม.3 คนละ 200 บาท โอนเข้าบัญชีธนาคารตัวเอง ทั้งที่ทางผู้บริหารโรงเรียน และผู้บริหารเทศบาลนครนครราชสีมา ไม่มีนโยบายเรียกรับเงิน 

นอกจากนี้เฟซบุ๊กเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” ยังได้แฉต่อว่า ทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ใหม่ โรงเรียนแห่งนี้ เตรียมที่จะแฉพฤติกรรมของครูพละรายนี้ ซึ่งมีทั้งเรื่องของเรียกเก็บเงิน และพฤติกรรมนัดนักเรียนหญิงไปมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของชาวโซเชียลอย่างกว้างขวางขณะนี้

ล่าสุดวันที่ 18 มี.ค. 67 นาย ชัชวาล วงศ์จร รองนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนต้นเรื่อง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา 

โดยมี ผอ.สำนักการศึกษาเทศบาลนครนครราชสีมา ผอ.โรงเรียนดังกล่าว และเจ้าหน้าที่สำนักการศึกษาฯ เดินทางมาร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้ด้วย โดยได้มีการสอบถามเรื่องราวต่างๆ กับ ผอ.โรงเรียน, ครู, ผู้ปกครองที่ร้องเรียน และนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงิน เพื่อประกอบการตรวจสอบข้อเท็จจริง 

ส่วนครูพละชายที่ถูกร้องเรียน ขณะนี้ทางเทศบาลนครนครราชสีมา ได้มีคำสั่งย้ายให้ไปอยู่ในสำนักการศึกษาเทศบาลนครนครราชสีมา เป็นการชั่วคราวก่อน เพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบ ซึ่งวันนี้ไม่พบว่าครูพละคนดังกล่าวเดินทางมาที่โรงเรียนแต่อย่างใด 

ด้านนายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.3 ซึ่งเป็น 1 ในนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงินค่าแก้เกรดติด “ร” กล่าวว่า พฤติกรรมของครูพละชายคนนี้ มักจะชอบสั่งงานให้นักเรียนไปทำหลายอย่าง แล้วหลังจากนั้นเมื่อถึงเวลาส่งงาน ก็มักจะมีข้ออ้างว่าป่วย หรือติดธุระต่างๆ เพื่อยื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อถึงเวลาขีดเส้นตาย ก็จะชอบเร่งให้นักเรียนไปแก้งานอีก ทำให้นักเรียนหลายคนส่งงานไม่ทันกำหนด แล้วติด “ร” กันเป็นจำนวนมาก 

หลังจากนั้นก็จะมีข้อเสนอให้โอนเงินไปให้ เพื่อที่จะแก้ติด “ร” ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่ ที่ไม่อยากมีปัญหา ก็จะโอนเงินไปให้เพื่อให้เรื่องจบๆ ไป เพราะไม่อยากให้ผลการเรียนเสียหาย เช่นล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ในห้องของตนก็ถูกครูคนนี้ให้โอนเงินให้ จำนวน 6 คนๆ ละ 200 บาท ซึ่งบางคนก็จ่ายเป็นเงินสด นักเรียนบางคนที่ไม่มีเงินในบัญชีธนาคาร ก็ต้องไปยืมเพื่อนให้ช่วยโอนเงินไปให้ครูก่อน เพื่อให้เรื่องจบๆ กันไป 

ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ครูคนนี้ก็เรียกเก็บเงินนักเรียนในห้องของตนทุกคน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 36 คนๆ ละ 30 บาท ไม่รู้ว่าเป็นเงินค่าอะไร บอกแต่เพียงว่าจะนำไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเพิ่มเท่านั้น แต่ด้วยความที่นักเรียนไม่อยากมีปัญหาก็โอนไปให้กันเกือบทั้งห้อง 33 คน เหลือ 3 คนที่ไม่โอนเงินให้ 

ส่วนเรื่องพฤติกรรมชู้สาว ตนเองได้เห็นกับตาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเพื่อนนักเรียนหญิงกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะม้านั่ง แล้วจับกระโปรงขึ้นมารวบไว้ จนถึงขาอ่อน เมื่อครูคนดังกล่าวเห็นก็เดินไปนั่งข้างๆ จ้องมองเล่นหน้าเล่นตาเหมือนคนหื่นกาม พร้อมกับบอกว่าครูดูอยู่นะ เพื่อนนักเรียนหญิงจึงหยิบโทรศัพท์มากะว่าจะแอบถ่ายพฤติกรรมลามกอนาจารของครูคนนี้ไว้ แต่เขารู้ตัวทัน จึงถ่ายไว้ไม่ทัน ซึ่งพฤติกรรมเชิงชู้สาวของครูคนนี้เป็นที่รู้กันทั่วทั้งโรงเรียน แต่ไม่มีใครทำอะไรได้เลย 

ด้าน น.ส.หญิงจิตติมา นัฏฐนิชาโชติกา อายุ 46 ปี ผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงินค่าแก้ติด “ร” กล่าวว่า ตนได้รับทราบเรื่องนี้จากหลานชายที่เรียนอยู่ชั้น ม.3 ในโรงเรียนแห่งนี้ พบว่าครูพละคนดังกล่าวเรียกเก็บเงินค่าแก้ติด “ร” จำนวน 200 บาท แต่หลานไม่มีเงินให้ จึงได้ไปยืมเงินเพื่อนให้โอนไปก่อน หลังจากนั้นจึงไปสอบถามมาที่ครูประชำชั้น เพื่อขอคำชี้แจงเรื่องเงินค่าแก้ติด “ร” ซึ่งได้รับการยืนยันจากครูประจำชั้นว่าที่โรงเรียนไม่มีนโยบายในการเรียกเก็บเงินลักษณะนี้ 

ดังนั้นตนจึงรู้สึกไม่สบายใจ ที่ครูพละทำเช่นนี้เพื่ออะไร และเงินที่เรียกเก็บกับเด็กนักเรียนเป็นเงินค่าอะไรกันแน่ จึงได้นำเรื่องราวไปโพสต์ลงในโซเชียล จนกระทั่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ภายหลังจากที่ครูคนดังกล่าวรู้เรื่องจึงได้แจ้งนักเรียนว่าเป็นการสื่อสารเข้าใจผิดกัน โดยอ้างว่าเป็นการเก็บเงินมาเพื่อทำสกอร์บอร์ด และรีบโอนเงินคืนให้นักเรียนทุกคน พร้อมกับบอกนักเรียนว่าให้ช่วยแก้ข่าวให้ด้วยว่าเป็นการสื่อสารเข้าใจผิดกัน ตนไม่อยากให้ครูมีการเรียกเก็บเงินแบบหมดเม็ดเช่นนี้ จึงอยากให้ทางหน่วยงานต้นสังกัดเร่งทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนที่นี่ รู้สึกสบายใจมากขึ้น 

ส่วนเรื่องพฤติกรรมเกี่ยวกับเชิงชู้สาวกับนักเรียนหญิงนั้น ตนก็เพิ่งจะทราบจากการแฉของเพจอีซ้อขยี้ข่าว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็อยากให้ครูคนนี้ออกไปเสีย จะได้ตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต 

นายชัชวาล กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตนทราบเรื่องนี้ ก็ได้มีคำสั่งให้ครูพละคนดังกล่าวย้ายออกจากโรงเรียน ไปอยู่ที่สำนักการศึกษาเทศบาลนครนครราชสีมาทันที ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา และได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที โดยตนเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ 

ซึ่งวันนี้จะมาสอบถามข้อมูลจากหลายฝ่าย เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน, ครูประจำชั้น, ผู้ปกครอง และนักเรียนที่ถูกเรียกเก็บเงิน เพื่อนำข้อมูลและหลักฐานต่างๆ มาประกอบการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนมองเรื่องของภาพความเสียหายไว้ก่อน ตามที่ผู้ปกครองและนักเรียนร้องเรียนมา 

ส่วนครูผู้ถูกกล่าวหาจะมีข้อแก้ตัวอย่างไร ก็ต้องว่ากันตามข้อมูลหลักฐานที่มี แต่จะเร่งสอบข้อเท็จริง และสรุปให้ได้โดยเร็วที่สุดภายใน 2-3 วันนี้ จะไม่มีการยืดเยื้อแน่นอน ขอยืนยันว่าทางเทศบาลนครนครราชสีมา จะไม่มีการช่วยเหลือคนผิดแน่นอน ผิดก็ว่าไปตามผิด และพร้อมที่จะดำเนินการเอาผิดตามระเบียบให้ถึงที่สุด 

เบื้องต้นจากการสอบถามผู้อำนวยการโรงเรียน บอกว่า ครูพละคนดังกล่าวยอมรับว่าเรียกรับเงินจากนักเรียนจริงๆ แต่อ้างว่าเป็นการเรียกเก็บเงินเพื่อมาซื้ออุปกรณ์สำหรับทำสื่อการเรียนการสอน ถึงอย่างไรก็ตามตนก็จะต้องไปตรวจสอบว่ากรณีนี้มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกเก็บเงินเพิ่มหรือไม่ เพราะถ้าจะเรียกเก็บเงินก็ต้องมีการแจ้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนทราบ และรายงานมาที่ผู้อำนวยการสำนักการศึกษาฯ แล้วส่งเรื่องต่อมาให้ตนเองทราบก่อน แต่กรณีนี้ตนไม่ทราบเรื่อง แสดงว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน 

ซึ่งเรื่องการเรียกเก็บเงินค่าเรียนนั้น ทางโรงเรียนไม่มีการเรียกเก็บเพิ่มจากค่าเทอมปกติ แต่เนื่องจากว่าโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่มีการจัดการเรียนการสอนเป็นห้อง EP ทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้น ม.3 ซึ่งจะมีครูประจำชั้นๆ ละ 2 คน เป็นครูชาวไทย 1 คน และครูชาวต่างชาติ 1 คนและทุกห้องเรียนติดแอร์ทั้งหมด โดยมีความโดดเด่นด้านภาษาจีนและภาษาอังกฤษ ดังนั้นจึงมีการเก็บค่าเทอม เพื่อนำเงินค่าเทอมไปเป็นค่าจ้างครูชาวต่างชาติ และค่าอุปกรณ์การเรียนการสอนให้มีมาตรฐานระดับสากล ดังนั้นจึงอาจจะมีการแจ้งให้ผู้ปกครองทราบว่ามีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เพิ่มขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่งบประมาณส่วนใหญ่จะเป็นของเทศบาลฯ ที่มีการทุ่มงบมาให้โรงเรียนแห่งนี้ปีละ 6-7 ล้านบาท จึงไม่ได้รบกวนผู้ปกครองมากนัก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับความยินยอมจากผู้ปกครองด้วยดีมาโดยตลอด 

ส่วนกรณีของข้อร้องเรียนเรื่องพฤติกรรมเชิงชู้สาวของครูพละคนดังกล่าว ตนได้สอบถามครูหลายคนก็ได้รับทราบว่าเป็นพฤติกรรมจากโรงเรียนเก่าที่ครูคนนี้เคยทำไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตามตนก็มองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ส่วนพฤติกรรมในปัจจุบันก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง ถ้าพบว่ามาทำพฤติกรรมลักษณะนี้ในโรงเรียนนี้อีก ก็เอาไว้ไม่ได้แน่นอน ต้องมีการลงโทษสถานหนัก ไม่มีข้อยกเว้นแน่นอน

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส