เจ้าของ TikTok ฮิโรชิ เปิดใจชื่อเสียงมาบูมช่วงสามเดือนให้หลัง จากการขายลูกชิ้น ปัดเคาะหม้อเสียงดัง ไม่ได้สร้างภาพให้ดูน่าสงสาร
จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" โพสต์ข้อความระบุว่า "ฮิโรชิ...น้องเฉินพ่อค้าลูกชิ้นรันทดหนุ่มนอนง่าย บางวันนอนฟูก บางวันนอนพื้น ว่างๆ นอนตรงบันได วันไหนเหงาๆ มีผ้าปูบางๆ รองนอน วันไหนขายดีนอนโซฟา ทุกการนอนคือการตั้งกล้อง ทุกการแดกคือมาม่าต้มผักบุ้ง ทุกการเปิดร้านหันซ้าย หันขวาเคาะแม่งอย่างเดียว...หนูน้องสู้ชีวิต เจออีซ้อสู้กลับ
น่าสงสารน้องนะ...ตัวคนเดียวกินแต่มาม่าต้มผักบุ้ง แต่มีขวดเขียวๆ วางฉ่ำในบ้าน ชีวิตน้อยๆ ฮิโรชิ น้องเฉินพ่อค้าลูกชื้นทอดคนดังใน Tiktok"
และโพสต์ต่อมา “คิดดูว่าเคาะจนเพื่อนบ้านข้างๆ ที่มีผู้ป่วยติดเตียงต้องย้ายออก เสียงดังโป๊กเป๊ก เอาที่คีบเคาะวนในหม้อ ทอดทิพย์ทั้งที่ไม่มีลูกชิ้น ไม่ก็ยกถาดวางกระแทกโครมครามตลอดทั้งไลฟ์...บ้านข้างๆ เดินมาเตือนดีๆ หลายครั้ง ก็ไลฟ์สดเดินไปกวนตรีนเค้า”
ล่าสุดวันนี้ (29 ก.พ. 67 ) วันนี้ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ มายังบ้านของนายศฤงคาร สุริยวงศ์ หรือ น้องออดี้ หรือเจ้าของ TikTok อย่างฮิโรชิ อายุ 27 ปี ได้เปิดบ้านให้ทีมข่าวเข้าไปดู พบว่า ภายในห้องนอนเป็นไปตามคลิปที่น้องได้มีการถ่ายลง TikTok เอาไว้ โดยมีฟูกสีเขียววางไว้ที่พื้น และบริเวณรอบรอบห้องก็จะพบลังกระดาษซึ่งน้องก็ได้บอกกับทีมข่าวว่า น้องมีตะกร้าขายขนมอย่างเช่น พวกทอฟฟี่-ลูกอมทั่วไป ซึ่งน้องก็ยืนยันว่าน้องนอนตรงนี้จริงๆ พร้อมทั้งได้พาทีมข่าวไปดูบริเวณห้องครัวหลังบ้าน ที่ปรากฏตามในคลิปซึ่งน้องก็ได้มีการเคาะหม้อให้ทางทีมข่าวดู ซึ่งน้องก็บอกว่า เคาะภายในบ้านเสียงไม่น่าจะทะลุไปจนถึงบ้านอื่น รวมถึงยังมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่น้องกินทุกวันอยู่ในตู้ ส่วนบริเวณหน้าบ้าน พบกับป้ายลูกชิ้นซึ่งจะเห็นหน้าป้ายจะเขียนว่า ลูกชิ้นปิ้ง แต่น้องบอกกับทีมข่าวว่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ขายลูกชิ้นปิ้งแล้วลูกค้าบอกว่า อยากกินลูกชิ้นทอดจึงได้เปลี่ยนมาขายลูกชิ้นทอด แต่ป้ายก็ยังคงเหมือนเดิม
นายศฤงคาร เล่าว่า ตนเริ่มต้นจากการทำ TikTok มาได้ 1-2 ปีแล้ว แต่ก็มาบูมก็เริ่มจากที่ตนไปขายลูกชิ้น เมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ตนไปขายที่ตลาดได้ 1-2 วัน แต่เนื่องจากยอดขายไม่ดี รวมถึงต้องเสียค่าที่ จึงได้กลับมาขายบริเวณหน้าบ้าน โดยรายได้ก็แล้วแต่วัน บางวันก็ได้ประมาณแค่ 100-200 บาทเท่านั้น และก็มีกำไรและขาดทุนบ้าง ซึ่งหน้าบ้านหลังที่ตนเองขาย ก็ไม่ได้ใช่บ้านของตน แต่เป็นบ้านของน้า ซึ่งตนได้มาอาศัยอยู่เท่านั้น แล้วพอมาขายตนเองก็เริ่มถ่ายคลิปวิดีโอ และมีการลงโซเชียลจนกระทั่งเป็นไวรัลคนเริ่มมาติดตาม และเมื่อมีคนมาติดตามเยอะจึงเกิดเป็นกระแสดราม่า
อย่างกรณีที่มีคลิปว่าตนเองได้มีการเคาะหม้อ หรือหยิบจับอะไรเสียงดัง สาเหตุที่ตนเองต้องทำแบบนั้น เพราะมีคนมาคอมเมนต์ว่า ตนทำตัวน่าสงสาร จึงได้เคาะเพื่อสร้างความสนุกสนานก็เท่านั้น ส่วนที่บอกว่า ทำให้ชาวบ้านรำคาญนั้น ตนก็สอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดจากบ้านของตนเองไปเขาก็บอกว่า เสียงไม่ได้ดังขนาดนั้น แต่ก็จะมีแอนตี้แฟนที่จะชอบมาปั่น ตัดคลิปแค่ช่วงที่ตนเองเคาะไปลง รวมถึงเวลาตนเองไลฟ์สดแอนตี้แฟนก็มักจะชอบมาปั่นหัวตนเองในไลฟ์ ให้ตนเองพูดในสิ่งที่ไม่ดีเพื่อที่จะอัดคลิปเอาไว้เพื่อที่จะไปลง TikTok
ส่วนกรณีที่มีเพื่อนบ้านออกมาแฉว่า ที่บ้านมีผู้ป่วยติดเตียงและจากการที่ตนเองทำพฤติกรรมเสียงดังในการไลฟ์สดภายใน TikTok จนทำให้เค้าอยู่บ้านไม่ได้และต้องย้ายออก นายศฤงคาร ต้องบอกว่า บ้านหลังนี้ไม่ได้อยู่ติดกับบ้านของตน แต่อยู่ถัดออกไปอีกหลังนึง ซึ่งเค้าอาจจะมีความที่ว่าไม่ได้ชอบตนเป็นพื้นเพอยู่แล้ว ด้วยความหมั่นไส้ จึงได้มีการไปคอมเมนต์อย่างนั้น
ส่วนกรณีที่ตนเองแต่งกายคล้ายกับนักศึกษาหรือนักเรียนนั้น ก่อนหน้านี้ตนเองใส่ชุดกีฬาและมีการถ่ายลง TikTok แล้วก็มีคนมาคอมเมนต์ว่า ให้ตนเองเปลี่ยนการแต่งกายให้ดูเรียบร้อย ตนจึงไปเลียนแบบการแต่งกายของร้านอาหารร้านหนึ่งในห้างโดยใส่เสื้อเชิ้ต กับกางเกงสีดำ แล้วดูสุภาพ ตนเองจึงแต่งกายแบบนั้น ยืนยันว่าตนเองไม่ได้สร้างภาพให้ดูเป็นนักเรียน - นักศึกษา
ส่วนกรณีที่ตนเองได้มีการตั้งชื่อ TikTok ว่าฮิโรชิ มาจากตนเองไปอ่านหนังสือญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “ไคบูซึ“ ซึ่งมีตัวละครที่ชื่อว่า ”ฮิโรชิ“ ตนเองจึงนำมาตั้งเพราะเห็นว่ามันน่ารักดี เนื่องจากบุคลิกภายในหนังสือจะดูเป็น เด็กนักเรียนตามปกติซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆกับโนบิตะ
ด้าน นายยม อายุ 65 ปี พ่อค้าที่อยู่ตรงข้าม กับบ้านของเพื่อนบ้านที่มีผู้ป่วยติดเตียง บอกว่าบ้านของตนเองนั้นก็อยู่ใกล้เคียงกับบ้านของนายศฤงคาร หรือ ฮิโรชิ ที่เป็นกระแสดราม่าอยู่ตอนนี้ ซึ่งที่ผ่านมาตนเองก็เห็นว่าน้องมีความขยันและมีความมุ่งมั่นในการทำงาน ไม่ได้มีการสร้างภาพแต่อย่างใด ซึ่งจากที่ตนเองเห็นก็เห็นเขาขายลูกชิ้นทำมาหากินทั่วไปเหมือนชาวบ้านคนอื่น ส่วนกรณีที่เค้ามาทำเสียงดัง เคาะหม้ออะไรต่างๆ นั้น ตนเองก็รู้สึกว่า ไม่ได้รับผลกระทบขนาดนั้น เพราะเสียงไม่ได้ดังมากจนเกิดความรำคาญ
ส่วนกรณีที่เพื่อนบ้านบอกว่า รำคาญเสียงเนื่องจากมีผู้ป่วยติดเตียงนั้น จากที่ตนเองได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านรายนี้ เห็นว่า ย่าทวดซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ก่อนหน้านี้อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา แต่แม่ของเพื่อนบ้านคนนี้ ได้มาเลี้ยงหลาน และก็ได้พาย่าที่ป่วยติดเตียงมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ประมาณ 2 เดือน แต่เนื่องจากว่าเขาอุ้มย่าไปอาบน้ำไม่ไหว และไม่มีใครช่วย แม่ของเพื่อนบ้านรายนี้ดูแล จึงตัดสินใจพาย่ากลับบ้านไปยังจังหวัดนครราชสีมา เพราะที่นั่นจะมีคนช่วยดูแลอีกแรงหนึ่ง ซึ่งตนมองว่าไม่น่าเกี่ยวว่า ตัวนายศฤงคาร ทำเสียงดังจนเขาอยู่ไม่ได้ ซึ่งตนก็เพิ่งเห็นว่าเขาพึ่งพาย่าที่ป่วยติดเตียงกลับบ้านได้ประมาณ 1อาทิตย์แล้ว
