โฆษกรัฐบาล อ้างประชาธิปไตยเฉย เงิน ดิจิทัล วอลเล็ต เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา

28 ต.ค. 66

โฆษกรัฐบาล แจง ทางเลือกแจก เงินหมื่น อ้างประชาธิปไตยเฉย ดิจิทัล วอลเล็ต เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ยัน รัฐบาลรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ 

วันที่ 28 ต.ค. 66 นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสโจมตีนาย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อันเนื่องมาจากนาย จุลพันธ์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต ได้นำข้อสรุปจากการประชุมครั้งล่าสุดของคณะอนุกรรมการดังกล่าวออกมาเปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติออกมาว่า ให้เสนอทางเลือกอื่นๆ อีก 3 ทางเลือกในการแจกเงิน 10,000 บาท จากทางเลือกเดิมที่กำหนดให้แจกแบบถ้วนหน้าทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป จำนวนราวๆ 56 ล้านคน เป็นเงินที่ต้องใช้รวม 560,000 ล้านบาทนั้น 

ขอชี้แจงว่า ทางเลือกที่เสนอมาใหม่ทั้ง 3 ข้อนั้น ไม่ใช่เป็นความเห็นหรือข้อเสนอส่วนตัวของนาย จุลพันธ์แต่อย่างใด นาย จุลพันธ์เพียงเป็นผู้รวบรวมมติจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ เพื่อนำไปเสนอต่อบอร์ดใหญ่คือ คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต เท่านั้น เหตุไฉนจึงมีคนจับประเด็นคลาดเคลื่อน แล้วพยายามปั่นกระแสเป็นทำนองว่า นาย จุลพันธ์พยายามจะหาทางบิดพลิ้วไปจากนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทแบบถ้วนหน้าตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด   

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เมื่อทางเลือกทั้ง 3 ข้อถูกนำเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดใหญ่แล้ว ก็ยังไม่แน่ว่าที่ประชุมใหญ่จะเห็นด้วยกับทางเลือกข้อใดข้อหนึ่งหรือไม่ หรืออาจจะยังคงยืนยันในทางเลือกเดิมคือแจกแบบถ้วนหน้าตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 56 ล้านคน ใช้งบประมาณ 560,000 ล้านบาทก็เป็นได้ ดังนั้น จะต้องรอข้อสรุปจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต ก่อน 

“ในทางตรงกันข้าม ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลนี้ยึดมั่นในแนวทางประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ด้วยการเปิดรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เห็นต่างอย่างรอบด้าน และพร้อมพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ อย่างรอบคอบด้วยกลไกการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ได้มติสุดท้ายออกมาจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต ก็ควรจะถือว่าเป็นข้อยุติ โดยรัฐบาลจะเป็นฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่ออกมา” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว 

อนึ่ง 3 ทางเลือกที่คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต เสนอนั้น มีดังนี้

1) ให้เฉพาะกลุ่มที่เคยลงทะเบียนคนจน จำนวน 15-16 ล้านคน ต้องใช้งบประมาณราว 150,000-160,000 ล้านบาท

2) กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อเดือน จำนวน 43 ล้านคน ต้องใช้งบประมาณราว 430,000 ล้านบาท

3) กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน จำนวน 49 ล้านคน ต้องใช้งบประมาณราว 490,000 ล้านบาท

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม