พบมีดถูกไฟลน-จม."เจษฎา"หนึ่งในเมีย"ไอ้เอ็ม"เขียนระบายความในใจ

20 ก.ย. 66

พบหลักฐานจม.ระบายความในใจ"เจษฎา"หนึ่งในเมีย"ไอ้เอ็ม"รวมทั้งไฟแช็กและมีดที่มีร่องรอยการลนไฟสอดคล้องคำให้การว่าเคยโดนบังคับใช้มีดทำร้ายตนเอง

 

ความคืบหน้ากรณีนายส่องศักดิ์ หรือไอ้เอ็ม และ นางจุ๋ม พ่อแม่ใจโหดที่ฆ่าน้องโมเดล ลูกวัย 2 ขวบ แล้วเอาร่างไปฝังดินและโบกปูนทับ จนตำรวจตามรวบตัวได้ ก่อนที่ไอ้เอ็มจะรับสารภาพว่าก่อนหน้านี้ได้ฆ่าลูกกับภรรยาอีกคนไป 4 ศพ


พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.เปิดเผยภายหลังจากการเข้าตรวจค้นห้องพักที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยพหลโยธิน  จากการเข้าตรวจค้นได้พบวัตถุพยานหลักฐานเป็นจดหมาย 2 แผ่น ที่นางสาวเจษฎา หนึ่งในภรรยาไอ้เอ็มได้เขียนระบายความในใจถึงสามีเอาไว้ เนื้อหาเขียนในเชิงถูกบังคับขู่เข็ญและเสียใจ เบื้องต้นพฐ.ได้เก็บไปเพื่อนำวิเคราะห์ในเชิงจิตวิทยาว่าเป็นอย่างไร

นอกจากนั้นในห้องยังพบไฟแช็ก และมีดจำนวน 3 เล่ม ซึ่งปรากฏว่าในจำนวน 3 เล่มนั้นมีร่องรอยการลนไฟ สอดคล้องกับคำรับสารภาพของนางสาวเจษฎาว่าถูกสามีบังคับให้ใช้เหล็กหรือมีดลนไฟแล้วก็ให้นำมาทำร้ายตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างกายของนางสาวเจษฎาและรอผลว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ กับร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้น รวมทั้งร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเด็กอายุ 12 ขวบด้วย ซึ่งขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ตำรวจจะสอบปากคำแพทย์อีกครั้งว่าบาดแผลนั้นเกิดจากอะไร

สำหรับจุดที่มาตรวจค้นบริเวณอพาร์ตเมนต์จุดนี้ เป็นคนละจุดกับคดีเด็ก 2 ขวบที่จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่อพาร์ตเมนต์อีกแห่งหนึ่ง และจุดนั้นพบว่ามีการคืนห้องพักช่วง 2-3 เดือนก่อนและมีผู้เช่ารายใหม่เข้ามาพักอาศัยอยู่แล้ว และพยานหลักฐานก็ถูกลบล้างไปแล้ว แต่อย่างไรก็ตามจะให้ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบซ้ำเผื่อว่ายังมีพยานหลักฐานตกค้างหลงเหลืออยู่ตามท่อต่างๆ

ขณะเดียวกันจากการสืบสวนพบอีกว่านายส่องศักดิ์ มีภรรยาอีก 2 คนและมีลูกด้วยกัน ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความแน่ชัดตำรวจจะเชิญตัวมาสอบปากคำเพื่อยืนยันให้ชัดเจนอีกครั้ง

รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลระบุอีกว่าในขณะที่มีการสอบปากคำนายส่องศักดิ์ ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้นและยอมรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่าเด็ก 2 ขวบ แต่ว่าส่วนของเด็ก 4 คนที่หายไป นายส่องศักดิ์ยังนิ่งอยู่ นอกจากนี้ตัวนายส่องศักดิ์ยังอ้างอีกว่าป่วยเป็นจิตเวช ซึ่งทางตำรวจเองไม่กังวล โดยทราบข้อมูลว่าได้ไปรับยาครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2559 จึงต้องไปสอบถามหมออีกครั้งว่าไปรับยาเกี่ยวกับอะไร

ขณะเดียวกันนับแต่เกิดเรื่อง น.ส.เจษฏา ภรรยาอีกคนไม่เคยแจ้งความ เพียงแต่รับสารภาพว่ามีเด็กเสียชีวิตจริงและได้นำศพเด็กใส่ถุงดำไปทิ้งแถวศาลพระภูมิ ซอยพหลโยธิน 50 โดยสาเหตุที่นำไปทิ้งบริเวณนั้นอ้างว่าต้องการให้ตายายเจ้าที่ช่วยปกปักษ์รักษา

สำหรับการเจอร่างของเด็กที่หายไปทั้ง 4 คน ซึ่งเป็นลูกของนางสาวเจษฎานั้น ตำรวจยอมรับว่ามีผลต่อรูปคดี แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีพยานแวดล้อมและหลักฐานอื่นๆที่สามารถเชื่อมโยงเอาผิดผู้กระทำผิดได้

ขณะเดียวกันทางตำรวจฝากประชาสัมพันธ์ เบื้องต้นในขณะนี้ยังไม่พบตัวเด็กอีกสองราย ในพื้นที่สายไหม เนื่องจากย้อนหลังไปในปี 2559 และ 2561 ดังนั้นหากใครเป็นพยานซึ่งอยู่ในละแวกใกล้เคียงในช่วงเวลานั้น ทั้งคนที่พบศพเด็กหรือได้กลิ่น ขอให้ช่วยมาเป็นพยาน เนื่องจากตอนนี้ตำรวจได้ไปตรวจสอบ ข้อมูลในสารระบบที่โรงพยาบาลภูมิพลก็ยังไม่พบเพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของทางตำรวจ.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส