ลากไส้สาวตายทิพย์ตุ๋นเงินเหยื่อฉุนโดนแช่ง อมรินทร์ปลุกผีอ้างจน (คลิป)

23 ม.ค. 66

จากกรณี เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิร์น part 5.2 ได้โพสต์ระบุข้อความว่า “ขอทานออนไลน์ รบกวนหน่อยค่ะ พี่อยากแจ้งข่าวมิจฉาชีพคนนึง มาในคราบของผู้พิการ (รึป่าวก็ไม่รู้) หลายปีก่อน พี่เคยให้ความช่วยเหลือนาง เรื่องการระดมทุน ที่แม่นางป่วย
ต่อมาแม่นางตาย ก็ยังมีปัญหาเรื่องการขอแท็ก ขอเงินต่าง ๆ มาไม่จบสิ้น จนพี่ขอหยุดให้ความช่วยเหลือไป แต่ก็มีพี่คนนึงให้ความช่วยเหลือต่อจนหมดเงินไปไม่น้อย"

886495

"นางใช้วิธีเดิม เรียกความสงสาร จนกระทั่งทำถึงขนาดว่าตัวเองตาย แล้วให้คนอื่นพิมมา (ซึ่งอาจจะเป็นนางพิมเอง) ว่านางตายแล้ว ขอค่าทำศพต่าง ๆ พี่คนนี้ก็โอนไปช่วย ทั้งแบบเต็มใจและไม่เต็มใจ บางครั้งไม่ได้เงินก็โพสต์ว่าพี่เขาต่าง ๆ ทุกช่องทาง แบบนี้เราจะทำยังไงให้นางหยุดได้คะ อยากรู้ตัวตนว่าพิการจริงมั้ย บ้านอยู่ไหนยังไง เราจะเอาผิดกับเค้ายังไงได้บ้างคะ"

259325

ล่าสุดวันที่ 23 ม.ค. 66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมาพบกับ น.ส.อภิรดี มุสิกะเนตร หรือ อ๋อ อายุ 44 ปี ผู้เสียหายที่ร้องเรียนไปยังเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ กล่าวว่า ตนเองไม่เคยรู้จัก “ติ๊ก” หรือ “น.ส.สุนทรี” ผู้ป่วยรายนี้มาก่อน ไม่ใช่ญาติกัน แต่เคยเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊กเมื่อ 5 ปีก่อน ปี 2561 ซึ่งตอนนั้น “ติ๊ก” ยังไม่ป่วย เป็นผู้หญิงหน้าตาสะสวย แต่หลังจากนั้นไม่นานติ๊กก็เริ่มโพสต์หน้าเฟซส่วนตัวว่าตัวเองป่วยเป็นมะเร็งที่คอ ขอความช่วยเหลือเรื่องแพมเพิส ค่าเดินทางไป รพ. ตนเห็นแล้วรู้สึกสงสาร เห็นกันในเฟซบุ๊กมานาน อีกทั้งตอนนั้นแม่ของตนก็ป่วยเป็นมะเร็งเหมือนกันจึงเข้าใจดีว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะ

หลังจากนั้นตนจึงโอนเงินก้อนแรกไปให้ 500 บาท และเริ่มมีการแชร์โพสต์ของติ๊กมาที่หน้าเฟซบุ๊กตัวเอง โดยมีการพิมพ์ข้อความประมาณว่า ”เห็นมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนป่วย หากเพื่อน ๆ อยากช่วยเหลือให้ติดต่อไปที่เขาได้โดยตรงเลย” ทำให้เพื่อน ๆ ของตนเห็นและมีการโอนเงินเข้าบัญชีติ๊ก และยังมีคนใจดีส่งของไปให้เขาด้วย ตอนนั้นตนเองรู้สึกสุขใจที่ได้ช่วยเหลือได้ทำบุญเป็นอย่างมาก

จากนั้นมาตนก็ช่วยเหลือติ๊ก โดยการตั้งหัวโพสต์และแชร์โพสต์เขามาที่หน้าเฟซบุ๊กของตัวเองให้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งตอนนั้นติ๊กน่าจะได้เงินไปเป็นหลักหมื่นบาท แต่พอตนช่วยไปได้ประมาณ 1 ปี ติ๊กก็เริ่มเข้ามาวุ่นวายกับตัวเองมากขึ้น มาขอให้ตนแท็กเฟซบุ๊ก ขอให้ช่วยแชร์โพสต์ให้อีก เพราะรู้ว่าตนทำแบบนี้แล้วตัวเขาเองจะได้เงิน ตนจึงเริ่มตีตัวออกห่างและพิมพ์ตำหนิไปว่า “ตนจะช่วยเหลือตลอดชีวิตไม่ได้ ติ๊กต้องช่วยเหลือตัวเองบ้าง ให้ญาติหรือลูกชายช่วยดหลือให้มากที่สุดก่อนจะให้คนอื่นเขาช่วย” หลังจากนั้นติ๊กก็หายไป คาดว่าน่าจะบล็อกเฟซบุ๊กตนและขาดการติดต่อ

174027

ผ่านมา 4 ปี ติ๊กกลับมาอีกครั้ง วันที่ 20 ม.ค. 66 ติ๊กทักแชตแมสเซนเจอร์กลับมาหาตน พิมพ์ข้อความยาวเหยียด บอกว่าพ่อตัวเองป่วยจะขอเงินช่วยรักษา ซึ่งตนไม่ได้อ่านรายละเอียดอะไรมาก เพราะรู้อยู่แล้วว่าติ๊กเป็นคนยังไง ประกอบกับตอนนั้นแมวของตนป่วย จึงรู้สึกอยากทำบุญจึงโอนเงินไปให้อีก 300 บาท ก่อนจะบอกว่าช่วยได้แค่นี้ หลังจากนั้นตนก็ไม่สนใจอีก

วันถัดมาตนก็ได้โพสต์หน้าเฟซบุ๊กว่า “ติ๊กในตำนาน” กลับมาขอเงินอีกแล้ว จากนั้นไม่นานก็มีพี่ไพ ผู้เสียหายอีกรายทักมาหาตนบอกว่า หลังจากที่ตนหยุดช่วยไปติ๊กก็ไปขอความช่วยเหลือจากพี่ไพ ขอเงินโดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ป่วยมะเร็งในลำคอ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด ขอเงินซ่อมบ้านสังกะสีผุ หลังคารั่ว ขอเงินค่ารถไปหาหมอที่ รพ. เป็นต้น ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ญาติกัน ลักษณะเหมือนเจ้ากรรมนายเวร พอไม่ให้เงินก็โทรมาทวงเหมือนติ๊กเป็นเจ้าหนี้

129580

และที่หนักไปกว่านั้น ที่ทำให้ตนต้องร้องเรียนไปนั้น เป็นเพราะว่าติ๊กถึงขั้นทำรูปศพตัวเอง อ้างว่าตายแล้ว หน้าซีด สำลีอุดจมูก และให้คนอื่นมาพิมพ์แทนส่งมาบอกพี่ไพว่าขอเงินค่าทำศพ ซึ่งดูจากข้อความและลักษณะการพิมพ์มานั้น ตนคิดว่าติ๊กเป็นคนพิมพ์ และโกหกว่าเป็นคนอื่น ทั้งนี้ตนอยากจะรู้ว่า ติ๊ก เป็นคนยังไงกันแน่ ป่วยจริงหรือไม่ ถ้าป่วยจริงตนก็มองว่าวิธีการของติ๊กไม่ถูกต้องอยู่ดี ถึงขั้นแกล้งตาย ตนสงสารพี่ไพมาก เพราะเท่าที่อ่านข้อความแชตพี่ไพเป็นคนที่มีเมตตามาก เท่าที่รู้พี่ไพโอนเงินไปให้ติ๊กรวม ๆ แล้วเป็นหลักแสน ตนเคยเห็นแต่ในข่าวแต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอคนแบบนี้กับตัวเอง ตอนนี้ทั้งตนและพี่ไพอยากจะแจ้งความเอาผิดกับติ๊ก ทั้งคู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาผิดอะไรได้บ้าง อีกทั้งยังไม่สะดวกไปแจ้งความ

509361

ด้าน น.ส.ไพ หรือ พี่ไพ อายุ 50 ปี ผู้เสียหายอีกราย ที่ถูก “ติ๊ก” ขอเงิน และถูกหลอกว่า ติ๊กตายแล้ว พร้อมกับส่งภาพศพมีสำลีอุดจมูกมาให้ดูเพื่อขอเงินค้าทำศพ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเป็นคนใจบุญชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่แล้ว เพราะตนไม่มีครอบครัว ไม่มีสามีและลูก มีแค่พ่อแม่ลุงป้า พี่สาวและหลาน ทำให้ช่วยเหลือคนอื่นได้

ซึ่งจุดเริ่มต้นของตนกับติ๊ก เกิดจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ปี 61 ตนเองเป็นแฟนเพจของเพจแมวของคุณอ๋อ จากนั้นตนก็เห็นที่หน้าเพจว่ามีการโพสต์ว่า “หนึ่งในลูกเพจป่วย ไม่สบาย เป็นมะเร็ง ขอระดมทุนขอความช่วยเหลือ” ตนก็ได้สมทบเงินบริจาคไปด้วย ต่อมาติ๊กก็ขอเงินอีก โดยผ่านทางเพจบอกว่ารอบนี้แม่เสียชีวิตเพราะเครียดที่ลูกสาวป่วยเป็นมะเร็ง จนช่วงหลัง ๆ มา คุณอ๋อน่าจะมีปัญหากับติ๊ก โดยคุณอ๋อน่าจะไปพูดไม่เพราะบอกว่า “ติ๊กได้เงินบริจาคเยอะแล้ว น่าจะพอได้แล้ว ไม่ใช่จะขออย่างเดียว” คุณอ๋อก็ยุติการช่วยเหลือติ๊กไป แต่ตนสงสารจึงได้โอนเงินไปให้ติ๊กต่อ หลังจากนั้นติ๊กก็เบนเข็มมาขอความช่วยเหลือจากตนเพียงคนเดียว

113586

วันไหนที่ติ๊กจะไปหาหมอแต่ไม่มีเงิน เพราะป่วยเป็นมะเร็งโคนลิ้น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปอด และก็มาขอค่ารถจากตน ไป รพ.พระพุทธบาทบ้าง รพ.ธรรมศาสตร์รังสิตบ้าง ขอค่ายา ขอค่าอยู่ค่ากิน ขอค่านอน รพ. ค่าแพมเพิส เงินค่าจัดงานบวชลูกชาย ลูกติดคุก พ่อป่วย ค่าซ้อมบ้าน บ้านพังหลังคารั่ว ตนก็โอนเงินไปให้ครั้งละ 3,000-5,000 บาทตลอด ตนเองก็เคยบอกติ๊กแล้วว่า ถ้าพ่อป่วย ลูกไม่สบายทำไมไม่ใช้บัตร 30 บาท รักษาตามสิทธิไป ซึ่งติ๊กก็อ้างว่าญาติพี่น้องตัวเองไม่มีบัตร 30 บาท อีกทั้งติ๊กก็ต้องให้เงินกับญาติครั้งละ 200-300 บาทเหมือนกัน ตนรู้สึกว่าทำไมติ๊กถึงมาขอเงินตนเพื่อเอาไปให้คนอื่น ตนไม่รู้ว่าติ๊กทำงานอะไร หรือทำงานหรือไม่

นอกจากนี้ ติ๊กยังเคยมาขอยืมเงินตนไปเป็นทุน ซื้อเตาปิ้งลูกชิ้นขาย 19,000 บาท ตนเองก็โอนให้ไป ซึ่งตนก็เตือนแล้วว่าเศรษฐกิจไม่ดีทำไปก็ขาดทุน แต่ติ๊กก็ยืนกรานที่จะเอาเงินไป บางครั้งบอกว่าจะไปอยู่กับพ่อ ที่ จ.ระยอง แต่แฟนใหม่พ่อไม่ให้อยู่ด้วยติ๊กขอเงินไปสร้างเพิงพักอีก 5,000-6,000 บาท แต่ที่ตนสุดจะทนจริงคือตนก็ต้องทำงานไปคุยงานกับลูกค้า แต่ติ๊กก็มักจะโทรแมสเซนเจอร์มา ซึ่งตนก็บอกไปแล้วว่าติดธุระคุยงานอยู่ ไม่สะดวก แต่ติ๊กกลับบอกว่า “เรื่องของตัวเองสำคัญกว่า ต้องการเงินด่วน ถ้าไม่ช่วยติ๊กก็ไม่มีใครนะ” ซึ่งพอตนไม่ให้เงินติ๊กก็ส่งมาต่อว่าตนต่าง ๆ นานา “ใจจืดใจดำจะปล่อยให้คนทั้งคนตายไปหรือ ถ้าพ่อแม่พี่น้องพี่ไม่ป่วยบ้าง ก็ไม่รู้สึกหรอก”

869980

ซึ่งจุดแตกหักที่ทำให้ตนเลิกโอนเงินไปให้ติ๊ก คือเมื่อช่วงประมาณเดือน ส.ค. หรือ ก.ย. ปี 65 มีเพื่อนของติ๊ก อ้างว่าชื่อ “หยก” ใช้เฟซบุ๊กของติ๊กทักแชตมาบอกตนว่า “ติ๊กตายแล้ว เป็นมะเร็งด้วย ติดโควิด-19 ด้วย” ก่อนจะส่งภาพศพติ๊กมาให้ดู มีสำลีอุดจมูกติ๊กไว้และขอค่าทำศพ รวมถึงขอค่าดูแลยายสูงอายุอีก 2 คนของติ๊กด้วย โดยบอกว่า “พี่จะไม่ช่วยทำบุญกับยายเขาเหรอ ยายเขาไม่มีเงินไม่มีญาติ พี่จะใจจืดใจดำเหรอ” ทำให้ตนไม่พอใจอย่างมากและไม่โอนเงินอีกเลย ซึ่งหลังจากนั้นไม่กี่วันติ๊กก็ทักมาบอกตนอีกว่า ขอเงินและไม่รู้ว่าใครเอาโทรศัพท์ตัวเองไปเล่น หลังจากนั้นตนก็ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีก เพราะ 5 ปีที่ผ่านมา ตนโอนเงินให้ติ๊กไปประมาณแสนกว่าบาทแล้ว

ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงปีใหม่ 66 ติ๊กทักมาขอเงินในลักษณะทวงเงิน เหมือนตัวเองเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้กัน บอกว่า “ข้ามปีใหม่แล้วนะ จะต้องให้รอข้ามปีเลยเหรอ เห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้เหรอ จะให้ก็ให้ไม่ให้ก็บอกมาเลย” ตนรู้สึกว่าญาติก็ไม่ใช่ เป็นเจ้าหนี้ก็ไม่ใช่ แต่ขอเงินเหมือนทวงเงินยิ่งกว่าเจ้าหนี้ ตนก็ไม่รู้ว่าตนกับติ๊กเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันตั้งแต่ชาติปางไหน ทำไมถึงจะต้องให้เงินเขาตลอด ทั้ง ๆ ที่ตนก็มีภาระเหมือนกัน  และเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 66 ติ๊กทักมาหาตนอีกครั้ง โดยบอกว่าพ่อป่วยอยู่ จ.ระยอง จะขอเงินอีก 3,000-5,000 บาท แต่ตนก็ไม่สนใจ และไม่ให้เงินอีกต่อไป ตนอยากตัดขาดกับเขาแล้ว

ตอนแรกตนก็พยายามจะคิดแค่ว่าช่วยคนป่วยเป็นมะเร็ง เพราะป้าและน้าของตนก็ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองทำให้เข้าใจดี แต่พอช่วยไปแล้วกลับเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตมากเกินไป พอไม่ให้เงินก็มาสาปแช่ง ด่าทอถึงพ่อแม่ ตามรังควานจนน่าเบื่อ ตนไม่ได้มีเงินถุงเงินถังที่จะช่วยได้ตลอด ช่วยแล้วเหมือนไม่ได้บุญกลายเป็นภาระของตน อีกทั้งตนก็ไม่เคยเช็กเลยว่าติ๊กป่วยจริงหรือไม่ เพราะเขาส่งรูปมาให้ดูก็คิดว่าน่าจะป่วย ซึ่งหากพบว่า “ติ๊กไม่ได้ป่วยจริง ๆ” ตนก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีแน่นอน แต่ตนก็ไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ถึงแม่ของตน

817127

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ดอนทอง อ.หนองโดน จ.สระบุรี โดยทีมข่าวได้พบกับ น.ส.สุนทรี แสนสุข หรือ ติ๊ก อายุ 48 ปี คนที่ขอเงินจากผู้เสียหาย โดยสภาพของ น.ส.ติ๊ก ที่ทีมข่าวเจอคือ ตัวผอม ซีด ใบหน้าบวม ตามลำตัวผิวแห้งจากยารักษามะเร็ง เส้นผมมีน้อยเส้น เสียงแหบ พูดไม่ค่อยดัง แต่ยังพอสื่อสารรู้เรื่อง

น.ส.ติ๊ก เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนยืนยันว่าตัวเองป่วยมะเร็งจริง เป็นมานาน 4 ปีแล้ว เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนเสียงที่แหบแบบนี้เพราะได้รับการผ่าตัดคอและต่อมน้ำเหลือง ตนเองเคยขอความช่วยเหลือจากพี่ไพและพี่อ๋อจริง เอาเงินมารักษาตัวเอง แต่รักษายังไม่ทันหาย แม่ของตนก็เสียชีวิต ตนจึงได้เอาเงินบางส่วนมาจัดงานศพแม่ ตนยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะหลอกลวงพวกเขา แต่สาเหตุที่ตนจำเป็นจะตัองขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เพราะญาติ ๆ ของตนก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรตนได้เลย มีแต่ตนที่จะต้องช่วยเหลือญาติ ๆ ด้วยซ้ำ

ส่วนประเด็นที่มีรูปตัวเองส่งไปหาพี่ไพว่าตายแล้วนั้น ตนเองเป็นคนส่งและพิมพ์ไปเอง สาเหตุเพราะเมื่อก่อนนี้พี่ไพเคยช่วยเหลือตนมาตลอด แต่หลัง ๆ ไม่ช่วยแล้ว ตนจึงไม่อยากจะขอความช่วยเหลือเขาอีก จึงได้ตัดสินใจทำเป็นว่าตัวเองตายไปแล้ว เพื่อจะได้ไม่ต้องขอเงินเขาอีก ตนจึงตั้งกล้องถ่ายรูปตัวเองมีสำลีอุดจมูกไว้ ส่วนหน้าตนซีดอยู่แล้วไม่ได้แต่งหน้า และปลอมเป็นเพื่อนส่งไปให้พี่ไพ ส่วนภาพงานศพนั้นเป็นภาพงานศพแม่ ตนยืนยันว่าไม่ได้ขอเงินค่าทำศพ

แต่หลังจากนั้นตนก็มาสารภาพกับพี่ไพว่าตนยังมีชีวิตอยู่นะ ตนขอโทษที่ต้องหลอกลวง ขอโทษที่ต้องรบกวน ซึ่งหลังจากนั้นพี่ไพก็ไม่ได้โอนเงินให้ตนอีกแล้ว ซึ่งคนที่โอนเงินให้ตนมีแค่พี่ไพและพี่อ๋อและมีคนรู้จักบางคนเท่านั้น ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนตนเองทักไปหาพี่ไพและพี่อ๋อจริง เพื่อขอความช่วยเหลือเรื่องพ่อที่ป่วยเป็นโรคไต ตอนนี้ต้องรักษาตัวอยู่ รพ.พระพุทธบาท เพิ่งย้ายมาจาก จ.ระนอง ตนเองไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว ตนหมดหนทางแล้ว พยายามทำเท่าที่ลูกคนหนึ่งจะทำได้ ญาติ ๆ พี่น้องที่มีก็ไม่ได้เรื่องสักคน ส่วนลูกชายของตนมีก็เหมือนไม่มี เขาตัดแม่ตัดลูกกับตนไปแล้ว เพราะตนขอเงินวันละ 100 บาท ตนจึงต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแทน เพราะเหลือแค่ตนคนเดียว ตนไม่เคยติดต่อหน่วยงานไหนและไม่มีประกันสังคม ไม่มีประกัน ใช้แค่บัตร 30 บาท แต่ก็มีค่ายานอกที่ต้องจ่ายเอง ค่าเดินทางไปหาหมอ ในแต่ละเดือนตนมีค่าใช้จ่ายเยอะมากจริง ๆ แต่ตนไม่มีเงิน

ตอนนี้อาการของตนคือ เหนื่อยง่าย เดิน 3 ก้าวก็เหนื่อย ตามองไม่ค่อยเห็น เสียงแหบ หลังจากพ่อป่วยตนก็ไม่ได้ไปรักษาตัวเองอีก ไม่ได้ไปทำคีโมแล้ว เลิกรักษาไปนานเป็นปีแล้ว อาศัยกินยาที่เหลือเอา แต่บางวันก็อาการทรุด ตอนนี้ตนต้องมาขออาศัยบ้านของน้องสาวย่าอยู่ไปก่อนเพราะไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน ตนอยากจะฝากขอโทษพี่ไพและพี่อ๋อ ถ้าตนทำอะไรผิดพลาดไป ขอโทษที่ทำให้ขุ่นเคืองใจ และฝากขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่เคยช่วยเหลือกันมา ตนยืนยันว่าไม่เคยเอาเรื่องตัวเองไปขอรับบริจาคที่ไหน ขอแค่พี่ไพคนเดียว ตนพูดเรื่องจริงไม่ได้โกหก แต่ถ้าพี่ ๆ ที่เคยช่วยเหลือตนอยากจะแจ้งความตนก็ยินยอมที่จะติดคุก เพราะตอนนี้ตนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

310796

ด้าน ยายไหม อายุ 88 ปี ยายแท้ ๆ ของ น.ส.ติ๊ก เปิดเผยว่า ติ๊กเป็นหลานแท้ ๆ ของตน ส่วน นายจตุรพร เป็นลูกเขย พ่อของติ๊ก ซึ่งติ๊กเองก็มีลูกชายหนึ่งคน ตอนนี้อยู่ กทม. ไม่ได้อยู่ดูแลแม่ เท่าที่รู้ก็ไม่เคยติดคุก เมื่อประมาณ 2-3 ปีก่อน ตนเจอติ๊กครั้งสุดท้ายคือตอนที่ลูกสาวตนแม่ของติ๊กเสียชีวิตแล้วติ๊กมางานศพ ก่อนจะให้เงินตนไว้ใช้ 1,000 บาท ซึ่งตอนนั้นก็ทราบว่าหลานสาวป่วยเป็นมะเร็งที่คอแล้ว พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง พูดเสียงอยู่แต่ในลำคอ ก่อนหลานจะย้ายมาอยู่ที่ ต.หนองโดน กับน้องสาว

ตนไม่รู้เลยว่าตอนนี้หลานทำงานอะไร แต่เมื่อก่อนหลานสาวทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาดให้กับบ้านของฝรั่ง มักจะส่งเงินมาให้ตนเสมอ เดือนละ 500-1,000 บาท แต่หลังจากเป็นมะเร็งก็ไม่ได้ทำงานและไม่ได้ส่งเงินมาให้คนใช้อีกเพราะตัวติ๊กเองก็ป่วย และคงจะเอาตัวเองไม่รอด ส่วนตนก็ไม่มีใครให้เงินก็ได้เงินเบี้ยคนชราประทังชีวิตเท่านั้น

 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส