โผล่อีกลัทธิพาสปอร์ตสวรรค์ควักเงินหนีนรก สำนักแจงกุศโลบายสร้างบุญ (คลิป)

วันที่ 14 ธ.ค. 65 นายสมชาย (นามสมมติ) อดีตข้าราชการชาว จ.บุรีรัมย์ และประชาชนที่เคยเข้าร่วมปฏิบัติธรรมยังสถานธรรมสายฟาอีแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมีชาวจีนไต้หวันเป็นผู้ก่อตั้งและดูแล ได้ร้องเรียนให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง   เข้าไปตรวจสอบพาสปอร์ตและจุดประสงค์ว่าเข้ามาในประเทศไทยเพื่ออะไร รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงินของสถานธรรมดังกล่าว เพราะอาจจะมีการก่อตั้งสถานธรรมเพื่อฟอกเงินจากการทำธุรกิจสีเทาหรือไม่  

โดย นายสมชาย เผยว่าสถานที่ดังกล่าวยังมีพฤติกรรมเรียกรับเงินจากผู้ที่หลงเชื่อเข้าร่วมปฏิบัติธรรมหรือรับฟังธรรมะเดือนละหลายล้านบาท สำคัญยังมีการปลูกฝังเผยแพร่ความเชื่อที่ผิดแปลกงมงายเหนือธรรมชาติ

โดยจะมีเตี๋ยนฉวนซือซึ่งเป็นชาวจีนไต่หวันมาทำพิธี​ใช้นิ้วจิ้มลักษณะเป็นการเจิมระหว่างคิ้วเพื่อเปิดจุดญาณทวาร​ โดยอ้างว่าจะทำให้หลุดพ้นจากการเวียนไหว้ตายเกิดทั้งหมด​ ทั้งยังสามารถฉุดช่วยบรรพชน 7 ชั้นที่ล่วงแล้วและดวงวิญญาณลูกหลาน​ 9​ ชั่วอายุคนให้หลุดพ้นด้วย โดยทุกคนที่ผ่านการทำพิธีจะมีบัตรผ่านขึ้นสวรรค์ไม่ต้องตกนรกหมกไหม้ นายสมชาย กล่าว 

ทั้งยังบอกให้คนที่เข้าร่วมปฏิบัติธรรมว่า ถ้าครอบครัวไหนไม่เห็นด้วยสถานธรรมมีที่พักให้ มีอาหารให้กินไม่ต้องง้อครอบครัว จนทำให้หลายคนทั้งที่เป็นข้าราชการและประชาชนทั่วไปหลงเชื่อเข้าร่วมสูญเสียเงินทอง และเกิดปัญหาแตกแยกหลายครอบครัว    เพราะเขาจะโน้มน้าวให้เชื่อเฉพาะสิ่งที่เขาสอนห้ามเชื่ออย่างอื่นเด็ดขาด หากใครไม่ทำตามก็เอานรกสวรรค์มาขู่ให้กลัว ซึ่งต่างจากศาสนาพุทธที่สอนให้รักครอบครัว แต่ก็มีหลายคนที่เข้าไปสัมผัสแล้วรู้ว่าสิ่งที่เขาสอนไม่เป็นจริงจึงถอดตัว

จากพฤติกรรมของชาวจีนไต้หวันกลุ่มดังกล่าวเกรงว่าจะมาหลอกให้คนไทยหลงเชื่องมงายในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง อีกทั้งอาจจะเปิดสถานธรรมบังหน้าเพื่อฟอกเงินหรือไม่ ก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบด้วย เพราะทราบว่าปัจจุบันชาวจีนไต้หวันมีการก่อตั้งสถานธรรมในลักษณะดังกล่าวหลายจังหวัดภาคอีสาน ในส่วน จ.บุรีรัมย์ ก็มี 2 แห่ง คือ อ.เมือง และ อ.นางรอง

ด้าน นายแดง (นามสมมติ) ผู้ที่เคยเข้าร่วมรับธรรมะที่สถานธรรมชาวจีนไต้หวันแห่งนี้มานานถึง 7 ปี บอกว่า ตอนแรกที่เข้าร่วมเพราะเห็นมีคนอื่นไปแต่พอได้เข้าไปร่วมสัมผัสจริง ๆ ถึงรู้ว่าสถานธรรมแห่งนี้เป็นลักษณะธรรมะขายตรงมากกว่า เพราะคนที่เข้าไปแล้วจะต้องไปชักชวนบุคคลอื่นเข้าไปรับธรรมะรายใหม่เรื่อย ๆ ถ้าใครหาไม่ได้ก็จะถูกตำหนิ และคนดูแลซึ่งเป็นชาวจีนไต้หวันที่เรียกตัวเองว่า เตี่ยนฉวนซือและเจี่ยงซือก็จะชอบบอกว่าถ้าใครหาคนไม่ได้ก็จะได้บุญน้อย

ซึ่งทุกคนที่เข้าร่วมรับธรรมะจะต้องเสียเงินครั้งละ 100–200 บาท บางคนก็บริจาคมากกว่านั้น ซึ่งหลังจากเข้ารับธรรมะแล้วก็จะเข้าอบรมอีก 3 วัน และเข้าบำเพ็ญเหมือนกับบวช เมื่อเข้าไปแล้วเขาจะพูดหรือปลูกฝังให้เชื่อตามสิ่งที่เขาบอกทุกอย่างห้ามคิดต่าง จึงไม่สามารถใช้ความคิดปัญญาของตัวเองได้เลย ยอมรับว่าหลงเชื่ออยู่นานจนเปลี่ยนความคิดทุกอย่างหลงเชื่อตามที่เขาบอก ครอบครัวตัวเองพูดอะไรก็ไม่ฟัง แต่พอหลัง ๆ เริ่มรู้ว่าสิ่งที่เขาปลูกฝังไม่เป็นความจริงจึงได้ถอนตัวออกมา ซึ่งพอตอนตัวออกมาก็ใช้ชีวิตเป็นปกติสามารถใช้สติปัญญาของตัวเองได้ไม่ได้มีใครมาครอบงำ

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าวเป็นลักษณะสถานที่ปฏิบัติธรรมแบบอนุตตรธรรม สร้างมาตั้งแต่ปี 42 มีรูปปั้นของเจ้าแม่กวนอิม เทพเจ้ากวนอู ฮกล่กซิ่ว และเทพเจ้าแปดเซียน อยู่ภายในสถานปฏิบัติธรรม

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายไชยยศ ตันวุฒิบัณฑิต ผู้อำนวยการสถานปฎิบัติธรรม บอกกับทีมข่าวว่า สถานที่แห่งนี้เป็นพุทธสถานก่อตั้งเพื่อส่งเสริมให้มาปฏิบัติธรรมจำพวกถือศีลกินเจเพราะยังมีความเชื่อมั่นว่าการถือศีลกิจเจคือการขัดเกลาจิตใจ โดยจะเป็นแหล่งศึกษาหลักธรรมคำสอน ของพระองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าหรือหลักสอนของขงจื้อ ถ้าอะไรที่ดีก็จะนำมาบรรยายให้เข้าใจง่ายและนำไปปฏิบัติตาม ซึ่งไม่ใช่ลัทธิประหลาดแต่เป็นจุดที่ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมสายอนุตตรธรรม

ยืนยันได้ว่าหากจะร่วมเข้าปฎิบัติธรรมไม่มีเก็บเงิน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการบำรุงค่าน้ำไฟแทน เนื่องจากการปฎิบัติธรรมในหลายครั้งมีการเปิดไฟ และก็ไม่มีหน่วยงานใดที่สนับสนุนในเรื่องของเงินบริจาคเป็นจำนวนมากตามที่ปรากฏในข่าว ทางสถานปฎิบัติธรรมเองก็ไม่กล้าที่จะไปขอหน่วยงานใดด้วยซ้ำ

เตี๋ยนฉวนซือคือผู้ถ่ายทอดวิถีธรรม หรือเรียกเป็นบุคคลว่า เจี่ยงซือ ความหมายคืออาจารย์ผู้บรรยายธรรม จากการศึกษาพระธรรม ที่ยังมีหลักธรรมคำสอนทางโลกให้ปฏิบัติด้วย ส่วนประเด็นเรื่องบัตรขึ้นสวรรค์เป็นหนึ่งในพิธีการกล่าวพิธีธรรมว่าจะมีการถอนชื่อออกจากนรกทั้ง 10 ขุมนั้นเป็นกุศโลบายเพื่อให้เข้าใจว่าทุกคนสามารถออกจากทุกข์ได้ โดยต้องทำดีทั้งกายวาจาใจ ให้คิดดีทำดี แล้วจะนำพาชีวิตไปสู่สรวงสวรรค์ได้ แต่ในอีกข้อเท็จจริง เป็นเพียงแค่บัตรลงทะเบียนสำหรับผู้ที่เข้าร่วมปฎิบัติธรรมว่าเคยเข้ารับฟังธรรมกับอาจารย์คนใด เพื่อที่จะต่อยอดในการบรรยายธรรม

ส่วนประเด็นเรื่องสังคมเข้าใจผิดว่าเป็นลัทธิประหลาด แล้วมีความเกี่ยวข้องกันตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ ยืนยันได้ว่าไม่เกี่ยวกัน ซึ่งในอนุตตรธรรมมีหลายสายธรรม มองว่าที่เป็นภาพลักษณ์ในแง่ลบ เกิดจากบุคคลมากกว่าไม่ได้เกี่ยวกับหลักธรรมคำสอน ส่วนกรณีสังคมตั้งข้อสงสัยว่าเป็นสถานที่ฟอกเงินหรือไม่นั้นยืนยันไม่เกี่ยวกับการฟ้องเงิน ส่วนใหญ่แล้วได้รับเงินจากเป็นการบริจาคเท่านั้น ซึ่งเอาจริง ๆ แทบไม่พอเพียงต่อการซ่อมบำรุงในปัจจุบันเลย แต่ทางเราก็ไม่เคยไปขอการสนับสนุนจากหน่วยงานใด

ส่วนกรณีมีผู้ไปร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรมก็เพิ่งมาทราบข่าว แต่ส่วนตัวไม่กังวลเรื่องของการถูกตรวจสอบ แต่กังวลว่าสังคมไม่เข้าใจหลักธรรมแล้วจะเข้าใจผิดและกล่าวไปในทางเสื่อมเสีย ตนอยากให้ศึกษาว่าอนุตตรธรรมมีมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งมีและการกล่าวรับธรรมะนั้นต้องมาฟังด้วยตนเองจึงจะเข้าใจ และจึงอยากเชิญชวนให้ผู้ที่ยังสงสัยลองเปิดใจมาศึกษาและลองมาสัมผัสดูก่อน เพราะส่วนใหญ่คนที่มาก็แค่อยากขัดเกลาจิตใจ