ผลชันสูตร "น้องจีฮุน" ถูกลืมในรถชี้ไปทางฮีทสโตรก เผยสีตับเปลี่ยน ย้ำไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย

6 ก.ย. 65

สถาบันนิติเวชวิทยา เปิดผลชันสูตร "น้องจีฮุน" ถูกลืมในรถชี้ไปทางฮีทสโตรก เผยสีตับเปลี่ยน ย้ำไม่พบร่องรอยการทำร้ายร่างกาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.20 น. ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อม นพ.ศราวุฒิ สุจริตธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านนิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าพบ พล.ต.ต.สุพิไชย ลิ่มศิวะวงศ์ ผบก.นต.รพ.ตร.เพื่อติดตามผลการชันสูตรศพของเด็กหญิงเขมนิจ ทองอยู่ หรือน้องจีฮุน วัย 7 ขวบ นักเรียนหญิงชั้น ป.2 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี ที่เสียชีวิตจากภาวะฮีทสโตรก หลังครูลืมไว้บนรถตู้รับส่ง

ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวว่า แม่ผู้เสียชีวิตต้องการให้กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบกระบวนการผ่าพิสูจน์ของสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดยมีผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มาร่วมสังเกตการณ์ ไม่พบความผิดปกติ โดยการทำงานมีทั้งหมด 5 ขั้นตอน คือ 1.การบันทึกเสื้อผ้า 2.ตรวจสภาพร่างกายภายนอก 3.ตรวจบาดแผลนอกร่างกาย 4.เก็บวัตถุพยานเช่น เลือด ช่องคลอด ทวารหนัก เล็บ ชิ้นเนื้อ อาหารในกระเพาะอาหาร เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุการเสียชีวิต และ 5.การผ่าพิสูจน์ร่างกาย

เบื้องต้นพบร่องรอยการฟกช้ำตามแขนและใบหน้า รวมทั้งหมด 9 จุด ไม่พบกระดูกหัก ไม่มีการข่มขืน ไม่มีร่องรอยการบีบคอ ที่สำคัญ พบว่าตับเปลี่ยนออกเป็นสีเหลือง ซึ่งปกติตับจะเป็นสีแดงหรือชมพู จึงคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิตอาจเกิดจากภาวะฮีทสโตรก

ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต กล่าวอีกว่า สำหรับรอยเปื้อนบนชุดนักเรียน เกิดจากการที่น้องจีฮุนลงไปนอนบนพื้นรถที่เปื้อนฝุ่น โดยแพทย์ระบุว่า ศพอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า ทำให้เลือดตก จนอาจทำให้เกิดแผลถลอกที่แก้มซ้าย ขณะที่เยื่อบุตาไม่พบเลือดออก เช่นเดียวกับสมอง เพราะหากพบ ก็จะคาดว่าอาจเกิดจากการกระแทกได้ พร้อมกันนี้ ได้เร่งรัดขอผลการผ่าพิสูจน์ศพ ซึ่งคาดว่าจะได้รับในวันที่ 15 ก.ย.นี้ โดยศพจะอยู่ในความดูแลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รังสิต หากครอบครัวไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิตก็จะนำไปฌาปนกิจต่อไป

ด้าน นพ.ศราวุฒิ กล่าวว่า อาการฮีทสโตรกในเด็กนั้น เกิดจากการควบคุมอุณหภูมิในสมองของเด็ก ที่ยังไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ จึงทำให้เด็กทนต่อความร้อนได้น้อยกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งเด็กอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ขณะที่ผู้ใหญ่อาจใช้เวลา 15 นาทีขึ้นไป ซึ่งภาวะฮีทสโตรก จะทำให้รู้สึกสับสน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ชัก และหมดสติ กระทั่งร่างกายล้มเหลว โดยภาวะฮีทสโตรก สามารถตรวจพบเลือดออกตามจุดต่างๆ ของร่างกายได้เช่นกัน

ดังนั้นการแก้ปัญหา จึงควรตรวจเช็กเด็กก่อนลงจากรถทุกครั้ง สำหรับบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายน้องจีฮุนตามแขนและขานั้น สันนิษฐานว่า อาการฮีทสโตรกอาจทำให้น้องจีฮุนฟาดแขนและขาไปในรถ เพราะตำแหน่งของร่างกายเข้ากันได้กับส่วนต่างๆ ภายในรถ ทั้งนี้ยังต้องนำข้อมูลการพิสูจน์หลักฐานของตำรวจมาประกอบกันอีกครั้ง

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส