จากกรณีพ่อและแม่ของเด็กวัย 12 ปี พร้อมด้วยนายกฤษฏา โลหิตดี หรือ โนบิตะ เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ที่กองบังคับการตำรวจภูธรมุกดาหาร กับ พ.ต.อ.สมจิตร เหล่ามงคลนิมิต รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดมุกดาหาร อ้างว่าลูกสาวถูกเพื่อนบ้านข่มขืนจนท้อง และคลอดเด็กในวันที่ 20 ต.ค. 64 ที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ การยื่นหนังสือดังกล่าวเพื่อขอตรวจผล DNA ปรากฏว่าผลที่ออกมานั้น ไม่ตรงกับนายโสภณ อายุ 52 ปี ผู้ถูกกล่าวหา หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาผลเลือดของชาวบ้านภายในหมู่บ้านทั้งหมด แต่ผลเลือดของเด็กไปตรงกันกับนายวิชพล อายุ 31 ปี ผู้เป็นพ่อของเด็ก จึงได้ดำเนินการจับกุมตัวเป็นที่เรียบร้อย ในข้อหาพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากผู้ปกครองเพื่อทำการอนาจารและกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี
ล่าสุด วันที่ 21 มี.ค. 65 นางปอ (นามสมมติ) แม่ของเด็กที่บ้านอีกครั้ง เปิดใจกับทีมข่าวว่า หลังสามีผู้ตกเป็นผู้ต้องหาข่มขืนลูกสาวตัวเอง เนื่องจากหลักฐานดีเอ็นเอไปตรงกันนั้น ตนเองตกใจมาก และไม่เชื่อสิ่งที่ตำรวจบอก เพราะตนเองยังไม่เห็นเอกสารผลตรวจตัวจริง ซึ่งเคยขอตำรวจดูแล้ว แต่ตำรวจไม่ให้
และยังเชื่อคำพูดขอสามีที่เคยบอกว่าไม่มีวันคิดข่มขืนลูก และลูกสาวของตนเองก็ยังยืนยันคำเดิมว่านายโสภณเป็นคนข่มขืน ไม่ใช่นายวิชพล ตนเองสงสารสามีมากหากสามีต้องกลายมาเป็นผู้ต้องหาเสียเอง เพราะที่ผ่านมาสามีคือเสาหลัก ในการหาเงินเลี้ยงลูกเลี้ยงครอบครัว แต่หากสุดท้าย สมมติว่าสามีเป็นคนก่อเหตุข่มขืนลูกของตนจริง ก็คงไม่โกรธสามี แต่จะปล่อยให้เป็นตามเวรตามกรรม ถ้าขนาดลูกแท้ ๆ ยังทำได้ลงคอ และขอให้สามีรับผลกรรมที่ได้ก่อเหตุ
นางสาวพนารัตน์ อายุ 24 ปี ลูกสาวผู้ถูกกล่าวหา ระบุว่า หลังจากที่ตนเองทราบข่าวตั้งแต่เมื่อตอนตรวจดีเอ็นเอในครั้งแรกว่าดีเอ็นเอไม่ตรงกับพ่อของตนเองนั้น ตนเองก็รู้สึกโล่งใจตั้งแต่นั้นมา ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เกิดเหตุตนเองก็ไม่เคยปักใจเชื่อว่าพ่อจะเป็นผู้ก่อเหตุ โดยตลอดระยะเวลาที่เกิดเรื่อง เพื่อนก็มักจะถามเสมอว่านามสกุลนี้คือนามสกุลของตนหรือไม่ และถามว่าพ่อเป็นผู้ก่อเหตุจริงหรือไม่ โดยตลอดระยะเวลาที่ยังไม่ทราบผล ตนเองก็ไม่กล้าพูดกับใคร
ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมานั้น ตนเองยอมแลกทุกอย่างเพื่อนช่วยเหลือพ่อ ซึ่งก็เพิ่งจบการศึกษาปริญญามา ไม่สามารถหางานที่ไหนได้เช่นกัน เนื่องจากยังคงต้องช่วยจัดการเรื่องคดีของพ่อ และไม่มีที่ใดรับตัวเองเข้าทำงาน ทางครอบครัวก็ได้อโหสิกรรมให้กับครอบครัวของผู้เสียหายวัย 12 ปี ไม่คิดแค้นใด ๆ ทั้งสิ้น ตนเองเข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่คงห่วงลูกเป็นปกติ ส่วนทางคดีปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการต่อไป
ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง เปิดเผยว่า แม้ว่าเด็ก 12 ปีจะยังคงยืนยันว่าผู้ก่อเหตุเป็นคนข้างบ้าน แต่ DNA กลับเป็นของพ่อเจ้าตัวนั้น ในทางกฎหมายศาลจะเชื่อนิติวิทยาศาสตร์ คือจะเชื่อพ่อเป็นคนกระทำ และหากครอบครัวเด็ก 12 ปี ยังคงฟ้องร้องต่อไป สุดท้ายศาลก็จะยกฟ้อง และมีความเป็นไปได้ว่าเด็ก 12 ปีจะกล่าวหาเพื่อนบ้าน เพราะต้องการปกปิดความผิดให้พ่อ ซึ่งศาลก็จะไม่เชื่อ เพราะคำพูดของคนไม่มีความน่าเชื่อถือเท่ากับนิติวิทยาศาสตร์
นายโสภณ แสนกัลยา อายุ 52 ปี ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า ตนเองขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมกับตนเอง ที่ยืนยันมาตลอดว่าไม่ใช่เป็นคนข่มขืนเด็ก ตลอดระยะเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อเดือนตุลาคม 2564 เป็นเวลากว่า 5 เดือนจนถึงปัจจุบัน ตนเองลำบากมาก ไม่มีงาน ตกงาน ไม่มีใครรับเข้าทำงาน หนึไปทำการเกษตร แกะอ้อย แกะมัน นำไปขายก็ไม่มีใครรับซื้อ จะไปรับเหมาก่อสร้างก็มีแต่คนรังเกียจไม่รับตนเองทำงาน
จนวันนี้ความจริงได้ปรากฏแล้ว ตนเองอยากวอนให้สังคมเห็นใจว่าตนเองบริสุทธิ์จริง อยากให้เปิดโอกาสให้ตนเองได้กลับมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวด้วย ส่วนใครที่เคยโพสต์ด่า หรือว่าร้ายตนเองนั้น ตนเองอโหสิกรรมให้ทั้งหมด
นอกจากนี้ นายโสภแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยว่าสิ่งที่ตนเองพูดกับทีมข่าวนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น และได้จุดธูป 36 ดอกกลางแจ้ง หันหน้าไปทางพระธาตุพนม สิ่งศักดิ์ที่ตนเองเคารพนับถือ พร้อมกับกล่าวคำสาบานว่า "หากตนข่มขืนเด็กหรือมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ขอให้ข้าพเจ้าถูกฟ้าผ่าตาย แต่หากตนเองไม่ใช่คนข่มขืนเด็ก ก็ขอให้ตนเองมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง และขอให้สิ่งที่ดีวนกลับมาหาตนเอง"