สืบเนื่องจากกรณี "คุณไทด์ เอกพัน" นักแสดงและกู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและตั้งข้อสังเกตถึงสภาพศพของแตงโม นิดา เนื่องจากตำรวจยังไม่มีใครพูดให้ความชัดเจนในเรื่องนี้
ระบุว่ามีความผิดปกติ มีตาข้างหนึ่งน่าจะเป็นข้างซ้ายที่ถลนออกมา ส่วนตาข้างขวาปิด แต่บวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด ช้ำเลือดช้ำหนอง โดยปกติของร่างที่ไม่โดนอะไรตี หรือไม่โดนของแข็งกระแทกใบหน้าตา 2 ข้างจะเท่ากัน ก็จะปูดเท่ากันทั้ง 2 ข้าง แล้วอีกอย่างตนเห็นฟันน้องหัก แต่หักไม่หมดนั้น
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ระบุว่าในส่วนของรายละเอียดตามที่ทางคุณไทด์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรอยบาดแผลมานั้น ตนเองยืนยันว่าไม่ขอวิเคราะห์จนกว่าจะได้เห็นภาพ หรือเห็นรายละเอียดด้วยตัวเอง แต่หากอยากจะทราบตอนนี้ก็ควาจะไปสอบถามทางด้านคุณหมอที่ดำเนินการผ่าชันสูตรพลิกศพ
เมื่อถามว่าจริงแล้วคดีที่ต้องมีการผ่าชันสูตรพลิกศพในคดีดังที่คนให้ความสนใจ ปกติแล้วจะต้องมีการปิดสำนวนก่อนถึงจะมีการออกมาเปิดเผยข้อมูลในรายละเอียดใช่หรือไม่ จริงแล้วในขั้นตอนการชันสูตรพลิกศพ ในส่วนของคุณหมอที่เป็นคนผ่าชันสูตร ค่อนข้างจะมีอิสระในการออกมาพูดหรือมาตอบข้อสงสัยของสังคม
การออกมาพูดนั้นเป็นการให้ข้อมูลในตามความจริง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรูปของคดี หนำซ้ำการออกมาพูดนั้นจะช่วยให้สังคมเลิกตั้งคำถามถึงข้อแคลงใจที่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ซึ่งหากจะได้คำตอบที่ชัดเจนคนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุดตามที่หลายคนสงสัยคงจะเป็นตำรวจและคุณหมอที่ผ่าชันสูตรพลิกศพ
"ยืนยันว่าแพทย์ที่ผ่าชันสูตรพลิกศพตอบได้ และต้องตอบ เพราะไม่ได้มีข้อห้ามในการออกมาพูด และไม่ได้เป็นความลับในคดี มองความเป็นอิสระในทางคดีเป็นไปหลักธรรมชาติสากล ต้องไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลใคร แต่เป็นการบอกแค่ว่าเจออะไรในศพบ้างแค่นั้น ทั้งนี้มองว่าส่วนหนึ่งที่ตำรวจตอบไม่ได้ เพราะเขาเองไม่ได้เข้าไปดูการผ่าศพโดยตรง ไม่ได้มองว่าคดีนี้ผิดปกติหรือไม่ผิดปกติ แต่จะพูดในมุมตามหลักสากลว่าการปฎิบัติควรเป็นเช่นนี้ ที่สามารถพูดได้"
ขณะที่วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2565 ตนเองเตรียมจะเรียกขอข้อมูลกับทางแพทย์ที่ชันสูตรพลิกศพ โรงพยาบาลตำรวจ เข้ามาให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา เพื่อที่ตนเองจะได้เข้าไปดูรายละเอียดเกี่ยวกับชันสูตรพลิกศพ ตามที่ทางด้านครอบครัวของคุณแตงโมได้ร้องขอมา
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว ระบุว่า สำหรับศพของนักแสดงสาวแตงโมนั้นเป็นศพที่เสียชีวิตมาแล้วกว่า 30 ชั่วโมง ประจวบกับสภาพศพนั้นเป็นการจมน้ำแล้วลอยขึ้น หลายคนไปตั้งข้อสังเกตว่าสภาพศพทำไมใบหน้าถึงมีรอยคล้ำ หรือลักษณะเน่ามากกว่าส่วนของลำตัว หากหลายคนมองด้วยตาอาจจะวิเคราะห์ได้ว่าฟกซ้ำหรือเปล่า หรือโดนทุบทำร้ายร่างกายที่บริเวณใบหน้าหรือไม่ ส่วนนี้ตนอยากจะอธิบายว่ามีความเป็นไปได้ทั้ง 2 อย่าง
บริเวณที่ใบหน้าของคุณแตงโมเกิดจากบาดแผล หรือกระบวนการเน่า ถ้าเป็นบาดแผลก็ต้องมีการตรวจสอบว่าเป็นบาดแผลก่อนเสียชีวิต หรือเป็นบาดแผลหลังเสียชีวิต ทั้งนี้หากเป็นร่องรอยบาดแผลโดนทำร้าย ทางเเพทย์นิติเวชเองสามารถตรวจหาร่องรอยจากชั้นใต้ผิวหนัง ถ้ามีลักษณะฟกช้ำเองสามารถเห็นได้ชัดเจน ส่วนประเด็นที่มีคนสันนิษฐานว่าอาจจะเป็นการทำร้ายจากขวดไวน์ตีเข้าไปที่ศีรษะ อาจจะทำให้เกิดบาดแผลบวม ยุบ หรือตาถลน ตรวจสอบได้โดยการผ่าชันสูตรศพเช่นกัน
ส่วนประเด็นว่าหากร่องรอยที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นร่องรอยของบาดแผล แต่เป็นกระบวนการเน่าตามปกติ ก็มีความเป็นไปได้ ว่าหลังเสียชีวิตแล้วสภาพศพที่ลอยขึ้นมานั้นคว่ำหน้าหรือหงายหน้าขึ้น เพราะหากสภาพศพหงายหน้าขึ้น ปัจจัยเเสงแดดและความร้อน ก็จะเป็นตัวแปลสำคัญที่ทำให้บริเวณใบหน้าสามารถเน่ากว่าส่วนอื่นได้ เพราะว่าส่วนใบหน้าเองหากนึกภาพลอยในแม่น้ำเจ้าพระยา ลำตัวอยู่ในน้ำไม่โดนแดดประจวบกับน้ำเย็นทำให้ร่างเน่าช้า แต่ส่วนใบหน้ากับโผล่ออกมาเหนือน้ำแล้วโดนแดด และความร้อน ด้วยความที่สภาพร่างกายหนังกำพร้าหลุกลอกแล้ว โดนเเดดเลยทำให้ไหม้ได้ง่าย ซึ่งไม่แปลกเพราะเคสอื่นก็เคยพบเจอ สาเหตุการเน่าบริเวณใบหน้าเร็วหรือช้า ซิลิโคนที่ทำศัลยกรรมไม่ได้เป็นปัจจัยเร่ง
ส่วนประเด็นเรื่องฟันที่หักในส่วนนี้ก็แยกได้เป็น 2 ประเด็นเช่นกัน ถ้าหักจากการโดนทำร้ายแน่นอน ไม่ใช่แค่บริเวณฟันเท่านั้นที่สามารถตรวจสอบได้ ทางเจ้าหน้าที่แพทย์ชันสูตรเองสามารถตรวจสอบบริเวณริมฝีปาก โหนกแก้ม หรือบริเวณโดยรอบของแก้มได้ ถ้าเป็นการทำร้ายจริง เนื่องจากการทำร้ายร่างกายคงไม่มีใครเอาขวดไปตีเน้นเฉพาะฟัน ยังไงริมฝีปากเองก็ต้องมีฉีกขาด หรือฟกช้ำแน่นอน ซึ่งก็ตรวจสอบได้ตามขั้นตอนนิติเวช ส่วนประเด็นที่ 2 การหลุดของฟันนั้นอาจจะมาจากที่ประวัติของผู้เสียชีวิตเคยมีการเข้ารักษาเกี่ยวกับฟันปลอมหรือเคยมีปัญหาของช่องปากเกี่ยวกับฟันมาก่อน ซึ่งไม่แปลกถ้าหากร่างกายเข้าสู่กระบวนการเน่า ในส่วนของฟันปลอมเหล่านั้นเองก็อาจจะหลุดได้
"ตามปกติแล้วตาถลนร่างบวมน้ำ เป็นเรื่องปกติของเคสผู้เสียชีวิตทางน้ำ โดยที่ระยะเวลาของร่างกายที่เริ่มเปลี่ยนแปลงนั้นจะอยู่ที่ 30-36 ชั่วโมง ร่างกายจะค่อย ๆ เข้าสู่กระบวนการเน่า ซึ่งแต่ละเคสอาจจะต่างกันตรงที่สภาพแวดล้อมและปัจจัยอื่นด้วย ตามที่บอกแสงแดดความร้อน จะเป็นตัวแปลสำคัญ เป็นเหมือนการเร่งให้ร่างกายเน่าเร็วขึ้น ยกเคสผู้เสียชีวิตเคสหนึ่งที่ร่างกายอยู่ในห้องแอร์ แต่บริเวณหน้าและลำคอโผล่อออกมาด้านนอกบ้าน สุดท้ายพบว่าบริเวณใบหน้าและลำคอเน่ามากกว่าบริเวณลำตัว ที่อยู่ในห้องแอร์"
